ผู้นำสหรัฐฯ ชี้กลุ่มก่อเหตุจลาจล เป็นการก่อการร้าย ย้ำต้องควบคุมให้ได้

          ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ยื่นคำขาดให้ทุกรัฐควบคุมการประท้วงที่บานปลายเป็นการจลาจลให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นเขาจะประกาศเคอร์ฟิวและใช้อำนาจตามกฎหมาย ให้กองทัพสหรัฐฯ ควบคุมสถานการณ์ นายทรัมป์ กล่าวว่า ภาระหน้าที่สำคัญที่สุดของเขาในฐานะประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คือการปกป้องอธิปไตยของชาติและพิทักษ์ความปลอดภัยให้ประชาชน เมื่อวันรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เขาสาบานต่อพระคัมภีร์ว่าจะรักษากฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาจะปฏิบัติต่อกรณีการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ที่นายทรัมป์ กล่าวว่าเป็นการเสียชีวิตจากความอำมหิต และเขาขอให้คำมั่นว่าการจากไปของนายฟลอยด์ จะไม่สูญเปล่า

          รัฐบาลของเขาไม่เคยขัดขวางการชุมนุมและการเคลื่อนไหวทางการเมืองในรูปแบบใดก็ตามที่เป็นไปด้วยความสันติและอยู่ในกรอบของกฎหมาย เหตุการณ์จี้ปล้น ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ และการปลุกระดมที่แฝงตัวโดยกลุ่มการเมืองบางพวก ถือเป็นการก่อการร้ายภายในชุมชน ซึ่งต้องถูกลงโทษ ขณะที่รัฐบาลทั้งระดับรัฐและระดับท้องถิ่นไม่สามารถให้ความคุ้มครองประชาชนซึ่งอยู่ในความดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากปล่อยให้สถานการณ์แบบนี้ดำเนินต่อไป ชาวอเมริกันผู้รักสันติจะต้องสูญสิ้นอิสรภาพ  

         หลังจากนั้น นายทรัมป์ พร้อมคณะ รวมถึงนายวิลเลียม บาร์ รมว.กระทรวงยุติธรรม นายมาร์ค เอสเปอร์ รมว.กระทรวงกลาโหม นายมาร์ค มีโดวส์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว นายโรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ และนายจาเร็ด คุชเนอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสซึ่งมีศักดิ์เป็นบุตรเขยของผู้นำสหรัฐฯ เดินออกจากทำเนียบขาว ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาขั้นสูงสุด ตรงไปยังโบสถ์เซนต์จอห์นที่อยู่ไม่ห่างออกไปมากนัก เพื่อสำรวจความเสียหายของสถานที่ หลังมีรายงานผู้ประท้วงหัวรุนแรงเผาพื้นที่บางส่วนในชั้นใต้ดินของโบสถ์ เมื่อคืนวันอาทิตย์

แฟ้มภาพ