การประท้วงในสหรัฐฯยังคงรุนแรง แม้ประกาศเคอร์ฟิว และส่งหน่วยพิทักษ์ชาติเข้าไปดูความสงบ

         การปล้นร้านค้าแถบตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ขณะเดียวกันมีรถบรรทุกน้ำมันคันหนึ่งพุ่งชนผู้ประท้วงบนถนนไอ-35 ในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา ไม่มีผู้ประท้วงบาดเจ็บ แต่ตำรวจต้องปิดจราจร ส่วนคนขับรถ ถูกผู้ประท้วงดึงลงมาจากรถบรรทุกและชกต่อยก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาจับกุมคนขับรถบรรทุกไปสอบสวนที่สถานีตำรวจในท้องถิ่น นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประท้วงปะทะกับตำรวจในเมืองบอสตันและกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ขณะที่ รัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการควบคุมเหตุประท้วงที่มีสาเหตุจากการเหยียดเชื้อชาติและการทำหน้าที่ของตำรวจ

         สหรัฐฯได้ส่งทหารจากกองกำลังพิทักษ์ชาติไปดูแลความสงบเรียบร้อยใน 15 รัฐและกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เนื่องจาก ตลอด 5 วันที่แล้วในช่วงเวลามืดค่ำ มักจะเกิดเหตุรุนแรง เช่น การปล้นร้านค้า และเหตุจลาจลต่างๆ และมีการประกาศใช้เคอร์ฟิวมากกว่า 40 เมืองทั่วสหรัฐฯ นับว่ามากที่สุดนับแต่ปี 2511 หรือการประท้วงหลังเหตุลอบสังหาร มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวอเมริกัน การลอบสังหารในครั้งนั้นมีขึ้นในช่วงที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเช่นกัน และเป็นช่วงที่มีการประท้วงต่อต้านสงครามและการเหยียดผิวทั่วโลก

         กรณีของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันวัย 46 ปี เสียชีวิตระหว่างการจับกุมของตำรวจเมื่อคืนวันที่ 25 พฤษภาคม สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนทั่วสหรัฐฯ สหรัฐฯมีปัญหาแตกแยกในเรื่องเชื้อชาติและอุดมการณ์ทางการเมือง สหรัฐฯอยู่ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ นอกจากนั้น หลายรัฐเพิ่งจะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 1,790,191 คน เสียชีวิต 104,383 ราย 

Cr: Reuters