ทันสถานการณ์โลก 06.30น.วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563

01 มิถุนายน 2563, 06:19น.


เคอร์ฟิว เกือบ 40 เมืองคุมจลาจล คนอเมริกันปะทะกันเอง  



           CNN รายงานว่า สหรัฐฯ ประกาศเคอร์ฟิว 20 รัฐ และเกือบจะ 40 เมือง หลังการชุมนุมประท้วงการกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ต่อนายจอร์จ ฟลอยด์ คนผิวสีที่ไร้อาวุธ เริ่มจากเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา ลุกลามกลายเป็นเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงในหลายเมืองทั้งชิคาโก นิวยอร์ก เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล ต้องยิงสเปรย์พริกไทย แก๊สน้ำตา ใส่ผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมตัวในหลายรัฐ จนต้องขอกำลังพิทักษ์ชาติเข้ามาเพิ่มเติม เนื่องจากผู้ประท้วงต้องการให้ตำรวจลงโทษตำรวจอีก 3 คน ด้วย



          ในวันนี้นายเดเรก ชอวิน อดีตตำรวจผิวขาว ผู้ก่อเหตุใช้เข่ากดซอกคอนายฟลอยด์ เป็นเวลาหลายนาที แม้นายฟลอยด์ พยายามบอกว่าเขาหายใจไม่ออก จนทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ถูกนำตัวขึ้นศาลตามเวลาท้องถิ่น หลังถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม



          สถานการณ์ที่นิวยอร์ก มีภาพรถตำรวจ ปะทะกับผู้ประท้วง และพุ่งเข้าชนรั้วเหล็กทำให้ผู้ประท้วงหลายคนที่อยู่ด้านหลังล้มกลิ้ง นายกฯเทศมนตรี แถลงว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้เริ่มต้นก่อเหตุรุนแรง ขณะที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ทวีตข้อความเห็นด้วยกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ในการดูแลความเรียบร้อย



          รัฐเท็กซัส กลุ่มผู้ประท้วงทำร้ายชายที่ถือธนูออกมาจากรถ เนื่องจาก รถของชายคนนี้ถูกขวาง จากนั้นผู้ประท้วงได้กรูเข้ามาพลิกรถของชายคนนี้



          เช่นเดียวกับที่ทำเนียบขาวที่เข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ชั่วคราว หลังถูกกลุ่มผู้ประท้วงชุมนุมล้อมรอบ โดยผู้ชุมนุมที่เดินทางไปประท้วงรอบทำเนียบขาว ยังคงเผชิญหน้ากับหน่วยอารักขาผู้นำสหรัฐฯ



          ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศจะไม่ยอมให้กลุ่มคนเล็กๆ ออกมาทำลายบ้านเมือง และประกาศจะหยุดยั้งม็อบที่ก่อเหตุรุนแรงทันที



           นายโรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ไม่เชื่อว่ามีการเหยียดเชื้อชาติ ยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดีปะปนอยู่ อาจเป็นเพราะไม่ได้รับการฝึกอบรมที่ถูกต้อง และทำให้ภาพพจน์ของตำรวจต้องมัวหมอง



           นางมิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ โพสต์ข้อความผ่านทางอินสตาแกรม michelleobama เกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายฟลอยด์ว่ารู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับทุกคน เพราะการเหยียดเชื้อชาติ คือความเป็นจริงที่ทุกคนพบเจอมาตลอด และเรียนรู้ที่จะรับมือกับมัน ทุกคนต้องมีความจริงใจช่วยกันให้ก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ ไม่ว่าจะผิวสีหรือผิวขาว



CR:CNN



ประท้วงตำรวจสหรัฐฯ ลามไปที่อังกฤษ แคนาดา เยอรมัน รัสเซีย



          ประชาชนในหลายประเทศ ร่วมเดินขบวนสนับสนุนการประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมด้วย สำนักข่าว ยูเอสเอทูเดย์ รายงานว่า ประชาชนหลายพันคนในกรุงลอนดอน อังกฤษ เดินขบวนบริเวณจัตุรัส ทราฟาลการ์ ถือป้ายเรียกร้องความเป็นธรรมให้นายฟลอยด์  การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบก่อนที่กลุ่มผู้ประท้วงจะเคลื่อนขบวนไปตามแม่น้ำเทมส์ มุ่งหน้าสู่สถานทูตสหรัฐฯ แม้จะมีบางคนที่ฝ่าฝืนมาตรการเว้นระยะห่างเพื่อควบคุมโควิด-19 แต่ตำรวจก็ไม่ได้เข้าห้ามการประท้วง



          กลุ่มผู้จัดการชุมนุมในกรุงลอนดอนโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ด้วยว่า มีแผนจะออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์หน้า ขณะที่ในเมืองแมนเชสเตอร์ มีประชาชนหลายร้อยคนออกมาร่วมเดินขบวน สนับสนุนการประท้วงที่กำลังเกิดขึ้นทั่วสหรัฐฯ



          กรุงเบอร์ลิน ของเยอรมนี ก็มีผู้ประท้วงออกมาชุมนุมกันที่หน้าสถานทูตสหรัฐฯ ใกล้กับประตูบรานเดนบวร์ก



          เมืองโทรอนโต ของแคนาดา ประชาชนนับพันคน รวมตัวประท้วงที่สวนสาธารณะ คริสตี พิตส์ เพื่อขอความเป็นธรรมให้นายฟลอยด์ และอีกเหตุการณ์คือกรณี น.ส. เรจิส เคอร์ชินสกี-ปาเกวต หญิงผิวสีวัย 29 ปี ที่ตกระเบียงบ้านตัวเองเสียชีวิต หลังจากถูกตำรวจไปตรวจค้นที่บ้าน



          ประเทศคู่อริของสหรัฐฯ แสดงการสนับสนุนผู้ประท้วงชาวอเมริกัน เช่น กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียทวีตข้อความว่า "ตำรวจอเมริกันก่ออาชญากรรมที่ได้รับความสนใจจากประชาชนบ่อยเกินไปแล้ว ทางการสหรัฐฯ ควรสืบสวนคดีฆาตกรรมนายฟลอยด์ อย่างละเอียดรอบคอบ"



           ขณะที่สื่อของอิหร่าน ประโคมข่าว กล่าวหา ตำรวจสหรัฐฯ ว่าโจมตีผู้ชุมนุม



สื่อจีน ตำหนิสหรัฐฯ จัดการม็อบผิวสี



          รัฐบาลปักกิ่ง ของจีน เคยแสดงความไม่พอใจกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบาลของชาติตะวันตกหลายชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลสหรัฐฯ เรื่องการรับมือกับการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงเขตบริหารพิเศษซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของจีนเมื่อปีที่แล้ว แต่ขณะนี้ได้เกิดเหตุจลาจลวุ่นวายไปทั่วสหรัฐฯ เรื่องนี้โฆษกรัฐบาลจีนและสื่อทางการของจีน วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสหรัฐฯเช่นกัน พร้อมกับเผยแพร่คลิปการทำหน้าที่ของตำรวจฮ่องกงในเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงว่ามีความอดกลั้นมากกว่าการทำหน้าที่ของตำรวจสหรัฐฯ



          นายฮู ซีจิน บรรณาธิการบริหารของหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ กล่าวว่า นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เคยกล่าวว่า ได้เห็นการชุมนุมประท้วงอย่างรุนแรงในฮ่องกงว่าเป็นสิ่งสวยงาม รัฐบาลจีน ยืนยันมาตลอดว่า มีกองกำลังต่างชาติอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายทางการเมืองในฮ่องกง ขณะที่ผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงก็ถูกรัฐบาลจีนมองว่าเป็นผู้ก่อจลาจลและออกมาเดินขบวนเป็นล้านคนตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้วและมีการปะทะกับตำรวจปราบจลาจล



‘ทรัมป์’เลื่อนจัดประชุม G7 เล็งเชิญรัสเซียเข้าร่วม



          ประธานาธิบดีทรัมป์ เลื่อนกำหนดจัดการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติ หรือ G7 ซึ่งปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 46 และกำหนดการคือระหว่างวันที่ 10-12 มิ.ย.นี้ ที่แคมป์ เดวิด ในรัฐแมริแลนด์ เลื่อนออกไปเป็นประมาณเดือนก.ย.ก่อนหรือหลังการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) ซึ่งจัดในเดือนเดียวกัน หรืออาจหลังการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯในเดือนพ.ย.นี้ ส่งสัญญาณว่าการลงคะแนนจะยังคงเกิดขึ้นตามกำหนดเดิม คือในวันที่ 3 พ.ย.



          ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า จำนวนสมาชิกและรูปแบบการประชุมของ G7 "ล้าสมัย" และไม่สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เขาจึงต้องการขยายขอบเขตการประชุม ด้วยการเพิ่มจำนวนประเทศเข้าร่วมหารือG7 ครั้งนี้



           นายทรัมป์ กล่าวว่า ประเทศที่ หมายตาไว้  คือ รัสเซีย เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และอินเดีย ปัจจุบันสมาชิกG7 นอกเหนือจากสหรัฐฯ ได้แก่ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น



ยายชาวอินโดฯ อายุมากที่สุด วัย100 ปี  หายจากโควิด -19



          นางคัมติม หญิงชาวอินโดนีเซีย อายุ 100 ปี ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว หลังรักษาตัวอยู่นาน 1 เดือนในเมืองสุราบายา เมืองบ้านเกิดของเธอและยังเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ ขณะที่ นางโคห์ลิฟาห์ อินดาร์ พาราวันสา ผู้ว่าราชการจังหวัดอีสต์ชวา กล่าวว่า เธอหวังว่าเรื่องราวของนางคัมติมจะช่วยสร้างกำลังใจให้กับชาวบ้านผู้มีความเสี่ยงกับการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโควิด-19ที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก และกลุ่มผู้สูงอายุ คือ กลุ่มเสี่ยงที่จะสามารถติดเชื้อไวรัสอันตรายนี้ เพราะอาจทำให้เสียชีวิตได้



           นางคัมติม ชาวเมืองสุราบายา ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังแสดงอาการ และต่อมาก็ได้รับการยืนยันหลังตรวจว่า ติดเชื้อไวรัสโควิด-19



           ส่วนนางสิทิ อมินาห์ ลูกสะใภ้ของนางคัมติม บอกว่า ได้บันทึกอาการป่วยของนางคัมติม และพบว่าเป็นคนที่ปฏิบัติตามการรักษาอย่างดีและมีความอดทนเป็นเลิศ ทุกวันลูกสะใภ้จะคอยเช็คอาการกับพยาบาล ที่บอกว่า คนไข้แข็งแรงและกระตือรือล้นในการกินยา มีขวัญกำลังใจที่จะทำให้ตัวเองแข็งแรงดีขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเพราะมีคนแถวบ้านมาเยี่ยมและให้กำลังใจ เพราะเธอออกไปไหนไม่ได้ อินโดนีเซีย พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 26,473 คน และเสียชีวิต 1,613 ราย



 

ข่าวทั้งหมด

X