ศาลแคนาดา เดินหน้าคดีส่งตัว นางเมิ่ง หว่านโจว ให้สหรัฐฯ
ศาลแขวงเมืองแวนคูเวอร์ ทางตะวันตกของแคนาดา มีคำพิพากษาในคดีที่รัฐบาลสหรัฐฯต้องการให้รัฐบาลแคนาดา ส่งตัวนาง เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศรายใหญ่ของจีน และเป็นลูกคนโตของนายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัท ให้ไปขึ้นศาลที่นครนิวยอร์กในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน จากการที่เธอละเมิดกฎหมายคว่ำบาตรอิหร่านของรัฐบาลสหรัฐฯ หมายความว่า น.ส. เมิ่ง ต้องอาศัยอยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์ ต่อไป และปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกันตัวที่เคร่งครัด ในขณะที่กระบวนการพิจารณาคดีเดินหน้าต่อไป
จีน ย้ำ ฮ่องกงต้องบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงโดยเร็ว
ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) มีมติเห็นชอบให้มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง กฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจรัฐสภาของจีนในการจัดทำกรอบกฎหมายและบังคับใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อป้องกันและลงโทษการกบฏ การก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน และการแทรกแซงของต่างชาติ หรือการกระทำใดๆ ที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ กำหนดให้ฮ่องกง ต้องบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติโดยเร็ว นายหวัง เฉิน รองประธานคณะกรรมาธิการประจำ NPC กล่าวว่า ตั้งแต่ฮ่องกงกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของจีน จีนได้ใช้หลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" "ชาวฮ่องกง ปกครองฮ่องกง" และให้อำนาจระดับสูงในการปกครองตนเอง แต่ในขณะนี้ สถานการณ์ในฮ่องกง มีความเสี่ยง มีการจัดกิจกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงมากขึ้น จึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการตามกฎหมายเพื่อป้องกัน ยับยั้ง และลงโทษการจัดกิจกรรมเหล่านั้น
อังกฤษ กังวล จีนทำลายหลักการปกครอง 'หนึ่งประเทศ สองระบบ'ของฮ่องกง
โฆษกของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เปิดเผยว่า รัฐบาลสหราชอาณาจักร กังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องที่สภาประชาชนแห่งชาติจีน ลงมติผ่านความเห็นชอบกฎหมายความมั่นคงของชาติฉบับใหม่สำหรับฮ่องกง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการทำลายหลักการหนึ่งประเทศสองระบบ นายโดมินิก ราบ รัฐมนตรีการต่างประเทศสหราชอาณาจักร หารือกับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
หลังจากที่สหราชอาณาจักร คืนฮ่องกงกลับสู่การปกครองของจีน มีการประกาศข้อตกลงว่าเขตบริหารพิเศษฮ่องกงจะปกครองตนเอง แต่ สภา NPC ผ่านความเห็นชอบให้มีการปราบปรามการเคลื่อนไหวในลักษณะที่เป็นการแยกตนเองเป็นเอกราช และการก่อการร้าย ทั้งห้ามต่างชาติเข้าแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง ทำให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ครั้งแรกในรอบเวลาหลายเดือน
จีน ค้านไต้หวันเป็นเอกราช เตือนสหรัฐฯ อย่าแทรกแซง
นายกฯ หลี่ เค่อเฉียง ของจีน แถลงข่าวหลังปิดการประชุมประจำปี NPC คัดค้านการที่ไต้หวัน จะแยกตัวเป็นเอกราช ทำให้เกิดความกังวลในไต้หวันว่า รัฐบาลจีน พยายามรวมไต้หวันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ โดยอาจใช้กำลังหากจำเป็น การแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน ประกาศว่าจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวฮ่องกงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งเป็นท่าทีที่ทำให้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการแทรกแซงที่ชัดเจนที่สุดของไต้หวัน
นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมของไต้หวัน เปิดเผยว่า มีโครงการจัดซื้อ “ฮาร์พูน” ซึ่งเป็นระบบขีปนาวุธนำวิถีที่จะใช้ในการป้องกันชายฝั่ง และหากสหรัฐฯ ตกลงขาย อาจมีการส่งมอบได้ในปี 2566 สหรัฐฯเหมือนประเทศส่วนใหญ่ในโลกที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน แต่มีการทำข้อตกลงในการจัดหาอาวุธและความร่วมมือเพื่อปกป้องเกาะไต้หวัน ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน และประณามการที่สหรัฐฯ ขายอาวุธให้กับไต้หวัน
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้แจ้งให้สภาคองเกรส ทราบถึงความเป็นไปได้ในการขายขีปนาวุธให้ไต้หวัน มูลค่าประมาณ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้จีน ออกแถลงการณ์ประณามสหรัฐฯว่าละเมิดต่อนโยบายจีนเดียวอย่างร้ายแรง และประณามประธานาธิบดีไช่ เป็นผู้แบ่งแยกดินแดน แต่ประธานาธิบดีไช่ ยืนยันว่าไต้หวันเป็นประเทศเอกราช
จลาจล หลายเมืองในสหรัฐฯ ประท้วงตำรวจ ทำร้ายชายผิวสี จนเสียชีวิต
เกิดเหตุประท้วงในหลายเมืองของสหรัฐฯ เนื่องจาก ไม่พอใจเรื่องที่ตำรวจจับนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสี วัย 46 ปี ในเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซตา เนื่องจาก เป็นผู้ต้องสงสัย ฐานพยายามจ่ายธนบัตรปลอมให้ร้านอาหารแห่งหนึ่ง มีการเปิดเผยภาพเป็นคลิปวีดิโอ เห็นภาพว่าระหว่างตำรวจจับนายฟลอยด์ ที่ไม่มีอาวุธ ตำรวจคนหนึ่งใช้เข่ากดคอนายฟลอยด์ ที่ถูกสวมกุญแจมือ นานเกือบ 8 นาที ทำให้หายใจไม่ออกและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ภาพที่มีการเผยแพร่ ระบุว่า นายฟลอยด์ พยายามส่งเสียงพึมพำขอความช่วยเหลือ “ได้โปรด ผมหายใจไม่ออก” ก่อนค่อยๆ หมดสติไป
หลังเกิดเหตุตำรวจคนดังกล่าวและตำรวจอีก 3 คน ถูกไล่ออก เอฟบีไอ ได้สืบสวนในเรื่องนี้แล้ว สหภาพตำรวจท้องถิ่น บอกว่า เจ้าหน้าที่ให้ความร่วมมือกับการสืบสวนเป็นอย่างดี และเตือนประชาชนว่าอย่าเพิ่งด่วนตัดสินเร็วเกินไป เนื่องจาก ต้องตรวจสอบทุกวีดิโอ ต้องรอรายงานจากเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพก่อน
เหตุประท้วงบานปลายกลายเป็นเหตุจลาจลในหลายเมือง นอกจากจุดที่เกิดเหตุแล้ว ยังมีที่ลอสแองเจลิส เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี ทำให้ตำรวจ ต้องยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อสลายการชุมนุมที่เข้าสู่วันที่ 2 ของการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงกับตำรวจ ผู้ประท้วงบางคนฉวยโอกาสปล้นร้านค้า ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ และจุดไฟเผาร้านค้า
CR:CNN,The Guardian
คนงานนิสสัน ในสเปน ประท้วงถูกเลิกจ้าง 3,000 คน
หลังจากที่นายมาโกโตะ อูชิดะ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) ของบริษัทนิสสัน มอเตอร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่กลุ่มหัวแถวของญี่ปุ่น แถลงว่า ปริมาณการผลิตรถยนต์จากโรงงานทั่วโลกของนิสสันเมื่อเดือนเม.ย. อยู่ที่ 150,388 คัน ลดลงร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนยอดจำหน่ายสินค้าเมื่อเดือนเม.ย. ลดลงเกือบร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทำให้ขาดทุน 671,200 ล้านเยน หรือ ราว 197,538.2 ล้านบาท เป็นการขาดทุนแบบรายปีงบประมาณเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551-2552 ที่มีช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับวิกฤตการเงินโลก
จากผลการขาดทุน ทำให้นิสสัน ปลดคนงาน 20,000 คนทั่วโลก และมีบางส่วนที่อยู่ในญี่ปุ่น สเปน และในหลายประเทศ ทำให้คนงานของนิสสัน ที่เมืองบาร์เซโลนา สเปน ชุมนุมประท้วงผู้บริหารของนิสสัน หลังมีการประกาศเตรียมปิดโรงงาน และเลิกจ้างพนักงานประมาณ 3,000 คน
นายอูชิดะ กล่าวว่า อนาคตนับจากนี้ยังไม่แน่นอนและคาดการณ์ได้ยากมาก เนื่องจากมีตัวแปรสำคัญที่ยากในการคาดเดา คือวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลให้นิสสันต้องลดกำลังการผลิตแล้วร้อยละ 20 และต้องปรับเปลี่ยนแผนการผลิตในหลายภูมิภาค