'ศบค.ชุดใหญ่' เตรียมเคาะผ่อนปรนระยะที่ 3 'ลดเคอร์ฟิว-ห้างเปิดถึง 3 ทุ่ม’

28 พฤษภาคม 2563, 18:17น.


         พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 เปิดเผยหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดเล็ก ร่วมกับนายกรัฐมนตรีว่า การประชุม ศบค.คณะใหญ่ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ จะพิจารณาลดเวลาห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ลงอีก 1 ชั่วโมง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเริ่มตั้งแต่กี่โมงและสิ้นสุดกี่โมง แต่ก่อนหน้านี้ มีรายงานปรับเวลาเคอร์ฟิว เป็น 23.00 น.- 03.00 น.



          นอกจากนี้ จะมีผลสรุปว่ากิจกรรมและกิจการใดบ้างที่จะได้รับการผ่อนคลายในระยะที่ 3 ซึ่งน่าจะเป็นการเปิดให้ประชาชนสามารถทำกิจกรรมเพิ่มเติมในกิจการที่ได้รับการผ่อนคลายไปแล้วก่อนหน้านี้ เช่น อาจจะผ่อนปรนให้โรงภาพยนตร์ในห้างสรรพสินค้า การเปิดกิจการนวดแผนโบราณที่ต้องปรับรูปแบบการให้บริการ การให้ประชาชนเดินทางไปต่างจังหวัดได้



          ขณะเดียวกันยังจำเป็นต้องเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด ทั้งการเว้นระยะห่าง และการสวมหน้ากากอนามัย เพราะยิ่งภาครัฐผ่อนคลายให้มากขึ้น ประชาชนยิ่งต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่หละหลวม รวมถึงต้องใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อการติดตามและเฝ้าระวังมากขึ้นด้วย



          ส่วนการจะผ่อนปรนให้โรงเรียนกวดวิชา สวนน้ำ และสวนสนุก ด้วยหรือไม่ พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า กิจการเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดอยู่ จึงยังไม่น่าจะได้รับการอนุญาตให้เปิดทำการ และต้องรอการพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ ขอให้รอความชัดเจนจากที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ส่วนตัวคิดว่าประเภทกิจการและกิจกรรมต่างๆ จะทยอยได้รับการผ่อนคลายหมดภายในเดือน มิ.ย.



          ส่วนข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข ทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 5,813,004 คน และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 357,889 ราย สหรัฐฯมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (1,745,911 คน) รองลงมาคือบราซิล (414,661 คน), รัสเซีย (379,051 คน), สเปน (283,849 คน), สหราชอาณาจักร (267,240 คน) และอิตาลี (231,139 คน)



          นอกจากนี้ สหรัฐฯยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (102,114 ราย) ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร (37,460 ราย), อิตาลี (33,072 ราย), ฝรั่งเศส (28,596 ราย) และสเปน (27,118 ราย)

ข่าวทั้งหมด

X