หมอธีระ เตือนผ่อนปรนเฟส 3 คิดให้หนัก ยังไม่ควรเปิดท่องเที่ยว
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความ ระบุว่า หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากขึ้นเป็นสองหลัก แม้จะเป็นคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศก็ตาม จะมีความหมายที่รัฐ หรือศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ควรคิด พิจารณาเพิ่มมากขึ้น ดังนี้
-หนึ่ง เรากำลังรับคนกลับมาอย่างต่อเนื่อง และอัตราติดเชื้อดูจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะประเทศอื่นส่วนใหญ่ยังมีการติดเชื้อเยอะกว่าเรามาก นี่คือศึกที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะจบ
-สอง ปลดล็อกระยะที่ 2 ยังไม่เห็นเคสใหม่ชัดๆ แต่ไม่ควรเย็นใจ เพราะสิ่งที่เราเห็นคือ การ์ดเริ่มอ่อนชัดเจนกว่าระยะแรก และเป็นโจทย์สำคัญที่ควรแก้ไขก่อนก้าวไปเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจาก กิจการที่จะปลดถัดจากนี้จะเพิ่มการติดต่อระหว่างประชาชนมากขึ้น ยังไม่รวมการเดินทางระหว่างจังหวัดอีกมหาศาล
-สาม แผนไทยเที่ยวไทยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรคิดจะนำมาใช้ก็ต่อเมื่อเคสใหม่เป็นหลักหน่วยต่ำๆ อย่างน้อย 30 วัน และไม่มีศึกที่ต้องรับมือ
-สี่ เรื่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขอให้พิจารณาให้รอบคอบ ขณะนี้ไม่มีที่ใดที่จะปลอดภัย ตราบใดที่ยังไม่มียามาตรฐานที่ใช้รักษา และไม่มีวัคซีนป้องกัน
ครม.-ส.ส.ประชุมสภาฯ รับ New Normal
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในภาวะที่ยังต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐานทางสาธารณสุขแล้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)มาพร้อมแฟชั่นหน้ากากอนามัย เปิดสมัยประชุมแรกของรัฐสภาปีนี้ ทุกคนได้มาใช้ห้องประชุมพระสุริยันเป็นครั้งแรก เพราะเป็นสถานที่ใหม่ สมาชิกยังไม่คุ้นเคย ทำให้ต้องแจกแผนที่ ในช่วงโควิด-19 ทุกคนต้องยอมรับชีวิตมีวิถีใหม่ New Normal มีการป้องกันตั้งแต่ทางเข้า ต้องเดินผ่านเทอร์โมสแกนวัดไข้ โชคดีวันนี้ไม่มีใครเป็นไข้ เลยไม่ต้องส่งโรงพยาบาล แต่กว่าจะผ่านไปถึงห้องประชุมต้องรอ เพราะลิฟต์จำกัดเข้าได้ทีละ 4 คน บางคนอดทนรอไม่ไหวต้องใช้บันไดเดินขึ้นไปแทน เมื่อเข้าห้องประชุมก็ต้องนั่งแบบ Social Distancing ที่เว้นที่ หน้ากากอนามัยที่ใช้มีหลากสไตล์กลายเป็นแฟชั่นใหม่ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ไม่น้อยหน้า มีหน้ากากเป็นตราประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อจากนี้ไปใครจะเข้าออกสภาต้องเช็กอินผ่านแอป "รัฐสภา จริงใจ ปลอดภัยไร้โควิด" เริ่มทดลองใช้แล้ว
รมว.คลัง เผยพ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 3 ฉบับ เป็นการกู้จริงเพียง 1 ล้านล้านบาท
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินทั้ง 3 ฉบับจะมีการกู้เงินจริงจำนวน 1 ล้านล้านบาท ตามพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 เพียงฉบับเดียว ส่วนพ.ร.ก.อีก 2 ฉบับ จะให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นำสภาพคล่องที่มีอยู่ในระบบอยู่แล้วมาช่วยแก้ปัญหา
สำหรับวงเงินกู้เพื่อแก้ไขวิกฤตโควิด-19 จำนวน 1 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 ต่อจีดีพี และร้อยละ 31 ของวงเงินงบประมาณ ภายใต้ 4 ตัวชี้วัด คือ สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ณ สิ้นก.ย. 2564 คาดว่าจะอยู่ที่ ร้อยละ 57.96 จากเพดานที่กำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 60 สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้อยู่ที่ ร้อยละ 21.2 จากเพดานที่กำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 35 สัดส่วนหนี้สาธารณะเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมดอยู่ที่ร้อยละ 2.53 จากเพดานที่กำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 10 และสัดส่วนภาระหนี้สาธารณะต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้า/บริการอยู่ที่ร้อยละ 0.19 จากเพดานที่กำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 5
ส่วนการเยียวยา นายอุตตม ยอมรับว่า ดำเนินการล่าช้า เพราะต้องใช้เวลา เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยดำเนินการในเรื่องนี้ และต้องดำเนินการต่อเนื่อง ส่วนการชำระหนี้ กระทรวงการคลัง วางแผนการชำระหนี้อย่างเป็นระบบ เพื่อกระจายความเสี่ยงและดูแลต้นทุนการกู้เงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ต้องกลั่นกรองความคุ้มค่าโครงการ ไม่ซ้ำซ้อนกับเงินงบประมาณ
ไทยส่งออกทุเรียน 4 เดือนโต 30%
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี คือม.ค.-เม.ย. การส่งออกทุเรียนสดของไทยขยายตัวได้อย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะในตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย สัดส่วนการส่งออก ร้อยละ 72 ที่มีการบริโภคสูงแม้อยู่ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการส่งออกในช่วงดังกล่าวมีมูลค่า 567 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 78 ส่งผลให้การส่งออกทุเรียนไปทั่วโลกมีมูลค่า 788 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 30 โดยไทยยังเป็นแชมป์ผู้ส่งออกทุเรียนอันดับที่ 1 ของโลก
ความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) มีส่วนสำคัญที่ส่งเสริมให้การส่งออกทุเรียนของไทยเติบโต เพราะช่วยขจัดอุปสรรคภาษีนำเข้าในประเทศคู่ค้า ทำให้ทุเรียนไทย มีโอกาสส่งออกและแข่งขันมากขึ้น ปัจจุบันทุเรียนไทยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 16 ประเทศคู่เอฟทีเอ ได้แก่ จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา ฟิลิปปินส์ บรูไน อินเดีย ชิลี และเปรู เหลือเพียง 2 ประเทศ คือ มาเลเซียและเกาหลีใต้ ที่ยังเก็บภาษีนำเข้าทุเรียนจากไทยอยู่
นายช่างสถานีวิทยุ ยอมรับแค้นใจเพื่อนร่วมงาน กล่าวหา ขโมยของในสำนักงาน
คดีอาชญากรรมยิงกันเสียชีวิต 3 ราย ภายในสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดพิษณุโลก (สวท.พิษณุโลก) ตั้งอยู่เลขที่ 137/1 หมู่ 5 ต.บ้านคลอง อ.เมือง จ. พิษณุโลก พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6 เปิดเผยว่า จากการสอบถามพยานแวดล้อม ทราบว่า นายวิม สอนสุด อายุ 59 ปี นายช่างไฟฟ้าชำนาญงาน ตำแหน่งนายช่างเครื่องส่ง ผู้ก่อเหตุ มีความโกรธเคืองกับนายสานิตย์ บุตรมางกูล อายุ 60 ปี ผอ.สวท.พิษณุโลก นายจิรวุฒิ สุเมธเทพานันท์ อายุ 47 ปี นายช่าง ไฟฟ้าอาวุโส และ นายภูมิศรัณญ์ พันธ์ภูมิ อายุ 55 ปี นายช่างอาวุโส เนื่องจาก ก่อนหน้านี้นายวิม เคยถูกต่อว่าหลายครั้ง และตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องที่มีข้าวของในสำนักงานหายไปเป็นประจำ ทำให้มีความคับแค้นใจมาโดยตลอด หลังก่อเหตุยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธปืนและมีดของกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหาความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนากับความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ ควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบทีมแพทย์รักษา “น้องอมยิ้ม-อิ่มบุญ” หาพฤติกรรมต้องสงสัย น.ส. ปุ๊ก
เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี จัดทีมคณะพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป.ไปทำการสอบปากคำแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต ทั้งแพทย์ผู้รักษาและแพทย์ที่ดูแลอาการป่วยของ ด.ญ.อมยิ้ม และ ด.ช.อิ่มบุญ เพื่อสักถามในประเด็นเกี่ยวกับอาการป่วยของเด็ก รวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ของ น.ส.นิษฐา ขณะที่ไปเฝ้าเยี่ยมเด็กทั้ง 2 คน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้เตรียมประสานไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์ เพื่อขอให้จัดส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตเวช ตรวจสอบ น.ส.นิษฐา ภายในเรือนจำ เพื่อพิสูจน์ว่า น.ส.นิษฐา มีปัญหาทางสุขภาพจิตจริงตามที่พ่อของ น.ส.นิษฐา กล่าวอ้างหรือไม่ และหากผลการตรวจวินิจฉัยพบว่ามีปัญหาด้านสุขภาพจิตจริงก็จะมีการพิจารณาดูอีกว่าอาการป่วยอยู่ในเกณฑ์ใดและจะมีผลทางคดีหรือไม่
กรณีนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นกังวล เนื่องจากปกติแล้วตามหลักกฎหมายจะมีการพิจารณาตามเกณฑ์การป่วยออกเป็นหลายระดับ ไม่ใช่ว่าหากป่วยทางสุขภาพจิตแล้ว จะได้รับละเว้นโทษหรือคดี ประกอบกับการสังเกตพฤติกรรมของ น.ส.นิษฐาของทางเจ้าหน้าที่เมื่อครั้งสอบปากคำหลังถูกจับกุมตัว ก็ไม่พบอาการทางจิตที่ผิดปกติ น.ส.นิษฐาสามารถพูดคุยตอบข้อซักถามได้เหมือนคนที่มีสติสัมปชัญญะทั่วไป