ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2563

28 พฤษภาคม 2563, 06:14น.


อากาศไม่เป็นใจ นาซา-สเปซเอ็กซ์ เลื่อนส่งนักบินอวกาศครั้งประวัติศาสตร์



           สเปซเอ็กซ์(SpaceX) ตัดสินใจยกเลิกการปล่อยจรวดส่งนักบินอวกาศ จากช่วงเช้ามืดวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ค.เวลา 03.33 น. (ตามเวลาประเทศไทย) เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย ท้องฟ้ามืดครึ้ม ไปเป็นวันเสาร์ที่ 30 พ.ค.นี้แทน และหากไม่สามารถดำเนินการได้ก็จะเลื่อนไปเป็นวันอาทิตย์ เป็นการตัดสินใจเลื่อนก่อนถึงกำหนดเวลาปล่อยจรวดเพียง 16 นาที เท่านั้น



          เพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ระบุว่า องค์การบริหารการบินอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) กับบริษัทสเปซเอ็กซ์ บริษัทเอกชนด้านเทคโนโลยีอวกาศของสหรัฐฯ ร่วมมือกันส่งนักบินอวกาศชุดแรกขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ภารกิจนี้นับเป็นครั้งแรกที่ใช้จรวดและยานอวกาศจากภาคเอกชน แทนจรวดและยานจากองค์การอวกาศของรัฐบาล และเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่กลับมาส่งนักบินอวกาศอเมริกัน สู่สถานีอวกาศนานาชาติ หลังจากที่ นาซา ยุติโครงการกระสวยอวกาศตั้งแต่ปี 2554 ทำให้สหรัฐฯ ต้องพึ่งพาจรวดโซยุซ กับระบบแคปซูล ของรัสเซีย ในการส่งนักบินไปที่ ISS มาตลอด



           ภารกิจครั้งนี้มีชื่อว่า Demo-2 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Commercial Crew Program มีนักบินอวกาศชาวอเมริกัน 2 คน คือ โรเบิร์ต เบห์นเคิน และดักลาส เฮอร์ลีย์ ไปกับยาน Crew Dragon ที่ติดบนยอดจรวดฟัลคอน 9 (Falcon 9) นักบินอวกาศทั้งสองคนนี้จะขึ้นไปปฏิบัติภารกิจต่อในสถานีอวกาศนานาชาติ ร่วมกับทีมนักบินอวกาศชุด Expedition 63 ที่ประจำสถานีอวกาศแห่งนี้อยู่แล้ว คาดว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจและกลับสู่พื้นโลกไม่เกินปลายเดือนก.ย. 2563



          ภารกิจ Demo-2 ช่วยปูพื้นฐานให้บริษัทสเปซเอ็กซ์ ทดสอบระบบการส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศ ตั้งแต่ฐานยิงจรวด ตัวจรวด ตัวยานบรรทุกนักบินอวกาศ และความสามารถในการปฏิบัติภารกิจในโครงการอวกาศ และเป็นครั้งแรกที่นักบินอวกาศของนาซาจะได้ทดสอบและฝึกใช้งานระบบยานอวกาศภาคเอกชน



CR:CNN, NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ 



นักสำรวจจีน ปีนยอดเขาเอเวอเรสต์วัดความสูง



           หลังจากที่จีนกับเนปาล ประกาศยกเลิกฤดูการปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ปีนี้ จากชายแดนของทั้งสองฝั่ง เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อาจแพร่ระบาดในกลุ่มนักปีนเขา ปกติแล้วฤดูกาลปีนเขาจะอยู่ในช่วงเวลาราว 5 สัปดาห์ เพราะต้องอยู่กันอย่างแออัดในค่ายพักแรมและการช่วยเหลือทางการแพทย์ก็ทำได้ไม่เต็มที่



          สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า คณะนักสำรวจของจีน ประกอบด้วย ทีมงาน 53 คน จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของจีนได้ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เดือนมี.ค.มีการนำเครือข่ายดาวเทียมไป่ตู้ของจีนมาใช้เพื่อวัดความสูงปัจจุบันของยอดเขาเอเวอเรสต์ ข้อมูลจะแสดงความหนาของหิมะ สภาพอากาศ ความเร็วลมขณะทำการวัดเพื่อช่วยสังเกตธารน้ำแข็งและคุ้มครองระบบนิเวศด้วย จีน เคยทำการสำรวจใหญ่มาแล้ว 6 ครั้ง





          ยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งในภาษาจีนรู้จักกันในชื่อ Qomolangma(โซโมลังมา) นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปี 2492 เป็นต้นมา วัดความสูงได้ 8,848.13เมตร(29,029 ฟุต)ในปี 2518 และ 8,844.43เมตร(29,017ฟุต) ในปี 2548 จีนยังใช้โอกาสในการปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ในครั้งนี้เก็บขยะลงมาจากเอเวอเรสต์รวมถึงยอดเขาอื่นๆด้วย



CR:Xinhua News Agency,BBC



อินเดีย เจอคลื่นความร้อนแตะ 50 องศา



           อินเดีย เผชิญคลื่นความร้อนจุดที่ร้อนที่สุดอุณหภูมิแตะ 50 องศาเซลเซียส  สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดีย คาดการณ์ว่า คลื่นความร้อนจะแผ่ปกคลุมทางเหนือของอินเดียไปอีกหลายวัน เพราะกระจายตัวกันเป็นหย่อม ๆ



          เมืองชูรู พื้นที่ทะเลทรายในรัฐราชสถาน เป็นจุดที่ร้อนที่สุดของประเทศ อุณหภูมิสูงสุดที่ 50 องศาเซลเซียส ขณะที่หลายพื้นที่ในรัฐปัญจาบ รัฐหรยาณา และรัฐอุตตระประเทศ อุณหภูมิทะลุ 40 องศาเซลเซียส



          ส่วนที่กรุงนิวเดลี อุณหภูมิ 47.6 องศาเซลเซียส ทำสถิติเป็นวันที่ร้อนที่สุดในรอบ 18 ปี



          อินเดีย เผชิญคลื่นความร้อนในเดือนพ.ค.และมิ.ย.ของทุกปี ปีที่แล้วมีคนเสียชีวิตสิบกว่าราย ปีนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต



          อินเดีย เผชิญหลายเรื่องทั้งเรื่องคลื่นความร้อน ความเสียหายที่ได้รับผลกระทบจากไซโคลนอำพันพัดถล่มภาคตะวันออกของอินเดียและบังกลาเทศ ทำให้มีคนเสียชีวิตไปกว่า 100 รายหมู่บ้านพังราบ พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ประชาชนหลายล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้ พร้อมกับกำลังรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19  มีผู้ป่วยสะสมมากเป็นอันดับสิบของโลกอยู่ที่ 158,086 คน และเสียชีวิตเกือบ 4,534 ราย อินเดีย มีประชากร 1,300 ล้านคน ยังเผชิญปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง ปีที่แล้วเมืองเชนไน ทางตอนใต้ของประเทศขาดแคลนน้ำทั้งเมืองจนเป็นพาดหัวข่าวไปทั่วโลก



 



น่าห่วง!เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น พบการระบาดโรคโควิด-19 ระลอกที่ 2       



  เกาหลีใต้ พบผู้ติดโรคโควิด-19 รายวัน สูงสุดในรอบ 49 วัน และเมื่อวานนี้พบการแพร่ระบาดในศูนย์โลจิสติกส์ของบริษัทอี-คอมเมิร์ซ “คูปังคอร์ป” ในเครือของซอฟต์แบงก์ ในเมืองบูชอน ทางตะวันตกของกรุงโซล อย่างน้อย 36 เคส และต้องสงสัยว่าน่าจะเชื่อมโยงกับกลุ่มก้อนผู้ติดเชื้อในไนต์คลับในย่านสถานบันเทิงอีแทวอน

          ล่าสุด บริษัท เปิดศูนย์แห่งนี้แล้ว และได้ใช้มาตรการปลอดเชื้ออย่างเข้มข้นที่สุดตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ขณะที่พนักงานราว 3,600 คน ของศูนย์ขนส่งสินค้าดังกล่าว ได้รับการตรวจโรคแล้ว

          นายคิม คัง-ลิป ผู้ช่วยรัฐมนตรีสาธารณสุข กังวลอย่างยิ่งต่อการแพร่เชื้อในระดับชุมชนและกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่สงสัยว่าศูนย์โลจิสติกส์ ไม่ปฏิบัติตามหลักการกักกันโรคพื้นฐานและอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวน

          โฆษกของคูปังคอร์ป ระบุว่า ศูนย์โลจิสติกส์แห่งนี้ผ่านการฆ่าเชื้อในทุกๆ วัน พนักงานทุกคนสวมหน้ากากอนามัยและถุงมือ รวมถึงมีการตรวจวัดอุณหภูมิด้วย

          ขณะที่ ญี่ปุ่น นายเคนจิ กิตะฮาชิ นายกเทศมนตรีเมืองคิตะกีวชู จังหวัดฟูกูโอกะ ทางภาคใต้ ของประเทศ เปิดเผยว่า โรคโควิด-19 อาจกลับมาแพร่ระบาดระลอก 2 ในเมืองดังกล่าว เนื่องจากตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว พบผู้ป่วยรายใหม่ 14 คน แต่ก่อนหน้านั้น เมืองคิตะกีวชู  มีประชากรอาศัยอยู่ 937,000 คน ไม่พบผู้ป่วยใหม่มาเป็นเวลา 23 วัน



          จังหวัดฟูกูโอกะ เป็นหนึ่งใน 39 จังหวัดแรกๆจากทั้งหมด 47 จังหวัดที่รัฐบาลยกเลิกภาวะฉุกเฉินเมื่อวันที่ 14 พ.ค.หลังจากตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ลดลงต่อเนื่อง ต่อมา นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะของญี่ปุ่น แถลงเมื่อวันจันทร์ ยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศในพื้นที่ 5 จังหวัดสุดท้าย รวมทั้งกรุงโตเกียว



 



รุนแรงอีกครั้ง! ประท้วงในฮ่องกง จับผู้ประท้วง 300คน



          ตำรวจเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ใช้สเปรย์พริกไทยเพื่อสลายการชุมนุมประท้วงคัดค้านร่างกฎหมายเพลงชาติจีน ที่อภิปรายอยู่ในสภานิติบัญญัติฮ่องกงวาระ 2 และร่างกฎหมายความมั่นคงที่กำลังมีการพิจารณาอยู่ในสภาประชาชนแห่งชาติที่กรุงปักกิ่ง ของจีน โดยมีผู้ที่ถูกจับกุมประมาณ 300 คน ถูกตั้งข้อกล่าวหาเข้าร่วมการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต



          การประท้วงรอบใหม่ มีจุดเริ่มต้นที่ด้านหน้าอาคารสภานิติบัญญัติ เหมือนการประท้วงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ หน่วยความมั่นคง วางกำลังตำรวจปราบจลาจล ทำให้ผู้ประท้วง เปลี่ยนไปชุมนุมปิดถนนในเขตตอนกลาง และคอสเวย์เบย์ ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงได้ 180 คน, เขตมงก๊ก 60 คน, เขตหว่านไจ๋ 50 คน และอีกหลายจุด ซึ่งบางคนมีอาวุธร้ายแรง และบางคนมีระเบิดขวด 



          ฮ่องกงเป็นเขตบริหารพิเศษของจีน ไม่มีเพลงชาติของตนเอง แต่ในหลายโอกาส เช่น การแข่งขันฟุตบอล จะมีการเปิดเพลงชาติจีน ทำให้มีผู้ชมส่วนหนึ่ง ส่งเสียงโห่ร้องในระหว่างที่เปิดเพลง จนทำให้ทางการจีนต้องออกกฎหมายฉบับนี้ออกมา โดยกฎหมายเพลงชาติ มีข้อระบุว่า ผู้ที่ไม่แสดงความเคารพจะถูกดำเนินคดีทางอาญา มีโทษปรับและจำคุก



         ส่วนกฎหมายความมั่นคง ทางการจีนและฮ่องกงพยายามผลักดันมา 23 ปี แต่ทำให้กระแสต่อต้านจีนแผ่นดินใหญ่รุนแรงมากขึ้น เพราะชาวฮ่องกงกังวลว่าจะถูกปิดกั้นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน



ผู้นำหญิงของไต้หวัน ประกาศอยู่เคียงข้างชาวฮ่องกง



         ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน ประกาศว่าจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวฮ่องกงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งเป็นท่าทีที่ทำให้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการแทรกแซงที่ชัดเจนที่สุดของไต้หวัน จากที่เมื่อวันอาทิตย์ เธอโพสต์เฟซบุ๊ก ว่าร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติเป็นภัยร้ายแรงต่อเสรีภาพและความเป็นอิสระทางตุลาการของฮ่องกง ดังนั้น ไต้หวันจะให้การสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่ชาวฮ่องกง แต่ไต้หวันไม่มีกฎหมายผู้ลี้ภัย ทำให้ชาวฮ่องกงไม่สามารถยื่นเรื่องเพื่อขอลี้ภัย จึงอาจต้องใช้กฎหมายอื่นเพื่อให้ความคุ้มครองชาวฮ่องกงที่ถูกคุกคามด้วยเหตุผลทางการเมือง โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีชาวฮ่องกงเดินทางเข้าไต้หวันเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 150 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วโดยมีจำนวน 2,383 คน



 

ข่าวทั้งหมด

X