ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2563

27 พฤษภาคม 2563, 18:34น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2563



นายกฯให้คำมั่น รักษาวินัยการคลัง หลังผลักดันพ.ร.ก.กู้เงิน ฟื้นฟูเศรษฐกิจผลกระทบจากโควิด-19



          การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ เพื่อพิจารณา พระราชกำหนดกู้เงิน 3ฉบับ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกล่าวถึงเหตุในการนำเสนอพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินทั้ง 3 ฉบับ วงเงินไม่เกิน 1.9 ล้านล้านบาท ต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณาถึงความจำเป็นในการเข้าไปช่วยเหลือและดูแลระบบเศรษฐกิจของประเทศไม่ให้เกิดความเสียหายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19



         นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลได้ตระหนักถึงวินัยการคลังจึงกำหนดหลักการดำเนินการที่สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำหรับแนวทางกู้เงินจะพิจารณาแหล่งเงินกู้ในประเทศเป็นหลัก และต่างประเทศเป็นสำรอง ซึ่งการชำระหนี้ กระทรวงการคลัง ได้กำหนดแผนไว้ และรัฐบาล สามารถบริหารจัดการได้ รวมถึงได้ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ มาพิจารณาแผนการใช้เงินกู้ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า เหมาะสม ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติการใช้จ่ายที่จะดูแลให้ดีที่สุด โดยหวังว่าสภาผู้แทนราษฎรจะอนุมัติเพื่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศต่อไป



          สำหรับ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับจะไม่กระทบกับหนี้สาธารณะของประเทศ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เมื่อสิ้นเดือนก.ย. 64 จะอยู่ที่ร้อยละ 57.96 รวมทั้งให้ความมั่นใจถึงมาตรการกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณที่โปร่งใส ถึงมือประชาชนทุกกลุ่ม และเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านสาธารณสุขของประเทศ การดูแลประชาชน ตลอดจนการดูแลความเข้มเข็งภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ



          สำหรับ พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับ ประกอบด้วย



-พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการจัดทำแผนงานด้านสาธารณสุขและแผนงานเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ วงเงิน 6 แสนล้านบาท ได้แก่ เยียวยาประชาชน 6 เดือน, เยียวยาเกษตรกร และดูแลด้านสาธารณสุข และแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 4 แสนล้านบาท โดยครอบคลุมโครงการดูแลสนับสนุนเศรษฐกิจในพื้นที่ ทั้งสนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจชุมชน และสนับสนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระดับพื้นที่



-พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท เพื่อให้สถาบันการเงินให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคิดดอกเบี้ยจากสถาบันการเงินร้อยละ0.01 ต่อปี และให้ยื่นคำขอกู้ยืมเงินภายใน 6 เดือน



-และ พ.ร.ก.รักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563 วงเงินไม่เกิน 4 แสนล้านบาท ด้วยการตั้งกองทุนรวม Corporate Bond Liquidity Stabilization Fund หรือ BSF และให้ ธปท.ซื้อขายหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าว



ผู้ว่าแบงก์ชาติ โพสต์ พ.ร.ก.ธปท.ไม่ใช่กู้เงิน



          นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า          ยืนยันอีกครั้งนะครับว่า พ.ร.ก. ที่ ธปท. เสนอ “ไม่” ควรเรียกว่าเป็น พ.ร.ก. กู้เงิน เพราะหัวใจของ พ.ร.ก. ทั้งสองฉบับคือการให้อำนาจ ธปท. เข้าไปบริหารจัดการสภาพคล่องได้ตรงจุด เมื่อครบเวลาสองปี เงินที่ ธปท. ปล่อย soft loans ผ่านสถาบันการเงินไปให้ SMEs สถาบันการเงินก็ต้องเอากลับมาคืน ธปท.



          ทั้งกลไกของ soft loans และกองทุน BSF ไม่ใช่การกู้เงิน 900,000 ล้านบาทมาใช้จ่าย หรืออีกนัยหนึ่ง ไม่ได้สร้างภาระการคลัง 900,000 ล้านบาท หรือไม่ได้สร้างภาระภาษี 900,000 ล้านบาทให้ลูกหลานเหมือนกับที่หลายท่านกังวล



          ทั้งสองกลไกอาจจะสร้างภาระการคลังในอนาคตได้บ้าง ถ้าสินเชื่อ soft loans ที่ปล่อยให้ SMEs จำนวนมากเกิดกลายเป็นหนี้เสีย หรือตราสารหนี้ที่กองทุน BSF เข้าไปลงทุนไม่ได้รับชำระหนี้คืน ซึ่งตาม พ.ร.ก. แล้วรัฐบาลจะชดเชยความเสียหายให้เพียงบางส่วนเท่านั้น ธปท. ตระหนักดีว่าทั้งสองกลไกที่เสนอ ไม่พึงสร้างภาระการคลังให้กับคนไทยในอนาคต จึงต้องมีเงื่อนไขด้านคุณภาพอย่างรัดกุมทั้งการปล่อยสินเชื่อผ่าน soft loans และการลงทุนผ่านกองทุน BSF



เตรียมนำเสนอนายกฯพรุ่งนี้ กิจการเตรียมผ่อนคลายระยะที่ 3



           นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข  เปิดเผยว่า  การประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 วันนี้ (27 พ.ค.) จะมีการพิจารณาในบางกิจกรรมกิจการที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเดิมอยู่ในการผ่อนคลายเฟส 4 มาอยู่ในการผ่อนคลายเฟส 3 ที่จะมีการพิจารณาครั้งนี้ด้วย ส่วนเป็นกิจกรรมกิจการใดนั้น ยังไม่ขอตอบในรายละเอียด  ต้องรอผลภายหลังการประชุมในครั้งนี้ เพื่อส่งให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) หรือ ศบค. ชุดใหญ่ พิจารณาอีกครั้ง



          ส่วนกังวลหรือไม่ว่า เมื่อคลายล็อกในเฟส 3 แล้ว จะทำให้เกิดการระบาดระลอก 2 นั้น นพ.สุขุม กล่าวว่า กำลังติดตามสถานการณ์อยู่   สำหรับการประชุมในวันนี้ไม่มีการแถลงข่าว แต่นำผลประชุมเสนอต่อนายกรัฐมนตรี วันพรุ่งนี้ (28 พ.ค.) เวลา 09.00น. ก่อนที่จะเข้าสู่การประชุม  ศบค.ชุดใหญ่  วันที่ 29 พฤษภาคมนี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ  ก่อนนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป 



          เช่นเดียวกับ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยอมรับว่า ในการผ่อนคลายระยะที่ 3 คาดว่าจะมีการพิจารณาให้บางกิจกรรมและกิจการที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งแต่เดิมจัดไว้อยู่ในกลุ่มที่ 4 กลุ่มสุดท้ายที่จะให้กลับมาเปิดได้มาอยู่ในการผ่อนคลายระยะที่ 3 แทน  สำหรับกิจการที่คาดจะมีการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณา ผ่อนคลายระยะที่ 3 เช่น โรงภาพยนตร์ สนามมวย



มาเลเซีย ขอปิดด่านปาดังเบซาร์ 3 วัน เพื่อทำความสะอาด-ฆ่าเชื้อ



         สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า ด่านปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซียจำเป็นต้องปิดทำการเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ หน่วยงานไทยจึงจำเป็นต้องงดการอำนวยความสะดวกให้คนไทยเดินทางกลับเข้าประเทศที่ด่านปาดังเบซาร์เป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคม 2563 และจะเริ่มอำนวยความสะดวกให้คนไทยเดินทางกลับประเทศอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป โดยจะย้ายไปที่ด่านสะเดา ขอให้คนไทยที่ลงทะเบียนและได้รับหนังสือรับรองเพื่อเดินทางกลับเข้าไทยที่ด่านปาดังเบซาร์ระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคม ใช้หนังสือรับรองฯ ฉบับเดิมเดินทางกลับเข้าไทยที่ด่านสะเดาในวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่



          สำหรับบุคคลที่ได้ขอใบรับรองแพทย์ไว้แล้ว และจะมีอายุเกิน 72 ชม.ในวันที่ 31 พ.ค. 2563 สามารถขอใบรับรองแพทย์ใหม่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในวันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม ระหว่างเวลา 09.00-13.00 น. ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และระหว่างเวลา 09.00-12.00 น. ที่ร้านอาหาร Chokdee Thai Restaurant เมืองยะโฮร์บารู (จุดขึ้นรถบัสของสถานเอกอัครราชทูตฯ)  สำหรับคนไทยที่มีหนังสือรับรองการเดินทางกลับเข้าไทยที่ด่านอื่น ๆ (ด่านท่าเรือตำมะลัง ด่านวังประจัน ด่านเบตง และด่านสุไหงโกลก) ไม่มีการเปลี่ยนแปลง



กสทช.งดจ่ายโบนัสปีนี้ คืนแผ่นดิน 200 ล้านบาท รับมือโควิด-19



          นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช.มีมติไม่จ่ายโบนัสปี 2563 จำนวน 200 ล้านบาทให้พนักงานกสทช. กว่า 1,000 คน โดยจะนำเงินส่งคืนแผ่นดิน เนื่องจากเข้าใจถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่รัฐบาลมีความจำเป็นต้องนำเงินไปใช้จ่าย



อดีตรมช.คมนาคม ลาออกจากบอร์ดการบินไทย



          บริษัทการบินไทยจำกัด(มหาชน)ได้เสนอให้บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ร่วมกับ พล.อ.อ. ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายบุญทักษ์ หวังเจริญ และนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการของบริษัท เป็นผู้ทำแผน หากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัทฟื้นฟูกิจการและตั้งผู้ทำแผนแล้ว ผู้ทำแผนที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาลจะมีอำนาจและหน้าที่ในการบริหารจัดการกิจการและทรัพย์สินของบริษัทต่อไป โดยบริษัทยังสามารถประกอบธุรกิจปกติต่อไปได้ในระหว่างที่อยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการขนส่งผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทางของการบินไทยในประเทศต่างๆ หรือการขนส่งสินค้าไปรษณีย์ภัณฑ์ ซึ่งจะดำเนินการควบคู่ไปกับการฟื้นฟูองค์กรเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไป



          นอกจากนี้ THAI แจ้งว่านายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค.63 นายไพรินทร์ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการของ THAI เมื่อวันที่ 25 พ.ค.63 แต่ติดขัดข้อกฎหมายของทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ห้ามรับตำแหน่งภายใน 2 ปี หลังจากพ้นจากตำแหน่ง รมช.คมนาคม และเคยกำกับดูแลการบินไทย



หุ้นไทยปิดเพิ่มขึ้น 9.02 จุด AOT ดีดรับเปิดให้ต่างชาติเข้าไทยเดือนก.ค.นี้



          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดภาคบ่าย ปรับขึ้น 9.02 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,345.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 78,673.24 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ตอบรับการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ฝั่งยุโรปวันนี้มีเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เตรียมเปิดเผยวันนี้ถึงแผนการที่จะช่วยให้เศรษฐกิจสหภาพยุโรป (EU) ฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด-19 โดยจะจัดสรรเงินช่วยเหลือและเงินกู้วงเงินกว่า 1 ล้านล้านยูโรให้กับประเทศสมาชิก EU 



          นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการทดสอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เฟสแรกด้วย รวมถึงหลายประเทศเริ่มที่จะเปิดให้ท่องเที่ยวภายในภูมิภาค เช่น เยอรมนีจะเปิดให้เที่ยวในยุโรป ส่วนไทยก็มีข่าวว่าจะเปิดให้ต่างประเทศเข้ามาเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้หุ้นบริษัทท่าอากาศยานไทย หรือ  AOT ขึ้นนำตลาดในช่วงบ่ายก่อนปิดตลาดปรับตัว เพิ่มขึ้น 2.25 จุด มูลค่าซื้อขาย 3,552.35 ล้านบาท



          ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยฟื้นตัวจากการติดลบในช่วงเช้า ขณะที่ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ทั้งในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ได้หนุนหุ้นต่างๆ ปรับตัวขึ้น ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 148.06 จุด ที่ 21,419.23 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวลดลง ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมากได้ออกมารวมตัวกันเพื่อต่อต้านกฎหมายความมั่นคงของจีน ซึ่งถูกมองว่าเป็นการจำกัดเสรีภาพของชาวฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็งลดลง 83.30 จุด ปิดวันนี้ที่ 23,301.36 จุด



ตำรวจฮ่องกงจับกุมผู้ประท้วงมากกว่า 300 คนในการประท้วงรอบใหม่



          ตำรวจเขตบริหารพิเศษฮ่องกงใช้สเปรย์พริกไทยเพื่อสลายการชุมนุมประท้วงคัดค้านร่างกฎหมายเพลงชาติที่กำลังมีการอภิปรายอยู่ในสภานิติบัญญัติฮ่องกง และร่างกฎหมายความมั่นคงที่กำลังมีการพิจารณาอยู่ในสภาประชาชนแห่งชาติที่กรุงปักกิ่ง โดยมีผู้ที่ถูกจับกุมประมาณ 300 คน ถูกตั้งข้อกล่าวหาเข้าร่วมการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต



          การประท้วงในรอบใหม่ของวันนี้ (27 พ.ค.) มีจุดเริ่มต้นที่ด้านหน้าอาคารสภานิติบัญญัติ เหมือนการประท้วงในช่วงสุดสัปดาห์ แต่ในวันนี้หน่วยความมั่นคงได้วางกำลังตำรวจปราบจลาจลตั้งแต่ช่วงเช้า ผู้ประท้วงจึงเปลี่ยนไปชุมนุมปิดถนนในเขตตอนกลาง และคอสเวย์เบย์ ซึ่งตำรวจจับกุมผู้ประท้วงได้ 180 คน, เขตมงก๊ก 60 คน, เขตหว่านไจ๋ 50 คน และอีกหลายจุด ซึ่งบางคนมีอาวุธร้ายแรง และบางคนมีระเบิดขวด 

          ฮ่องกงเป็นเขตบริหารพิเศษของจีนจึงไม่มีเพลงชาติของตนเอง แต่ในหลายโอกาสอาทิ การแข่งขันฟุตบอล จะมีการเปิดเพลงชาติจีน ทำให้มีผู้ชมส่วนหนึ่ง ส่งเสียงโห่ร้องในระหว่างที่เปิดเพลง  จนทำให้ทางการจีนต้องออกกฎหมายฉบับนี้ออกมา โดยกฎหมายเพลงชาติ มีข้อระบุว่า ผู้ที่ไม่แสดงความเคารพจะถูกดำเนินคดีทางอาญา มีโทษปรับและจำคุก

          ส่วนกฎหมายความมั่นคง ซึ่งทางการจีนและฮ่องกงพยายามผลักดันมา 23 ปี แต่ทำให้กระแสต่อต้านจีนแผ่นดินใหญ่รุนแรงมากขึ้น เพราะชาวฮ่องกงกังวลว่าจะถูกปิดกั้นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน

ข่าวทั้งหมด

X