ยอดใช้พลังงานทั่วโลกตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังโควิด-19 ระบาดหนัก

27 พฤษภาคม 2563, 16:58น.


          องค์การพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ รายงานว่า ในช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤตโควิด-19 ทั่วโลกมีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 แต่จากวิกฤตที่เกิดขึ้น หลายประเทศใช้มาตรการจำกัดการเดินทาง และให้โรงงานอุตสาหกรรมยุติการผลิตชั่วคราว ทำให้ความต้องการใช้พลังงานลดลงเฉลี่ยร้อยละ 20 ซึ่งเป็นสถิติตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์


          โดยเชื้อเพลิงฟอสซิลได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีความต้องการใช้น้ำมันลดลงมากถึงร้อยละ 30 ส่วนความต้องการใช้ถ่านหินลดลงร้อยละ 15 ขณะที่มีการลงทุนพลังงานทดแทนลดลงร้อยละ 10 


          มาตรการจำกัดการเดินทางและการผลิตทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เป็นสาเหตุของสภาวะโลกร้อนลดลง ทำให้สภาพอากาศโดยทั่วไปดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ไออีเอ เตือนว่า การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อวิกฤตสิ้นสุดลงและจะส่งผลให้คาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจัยสนับสนุนก็คือการที่จีนและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียต่างใช้พลังงานจากถ่านหินเป็นหลัก


ในกรณีของประเทศจีน มีการอนุมัติโรงงานที่ใช้เชื้อเพลิงถ่านหินใหม่ในไตรมาสแรกของปีนี้มากกว่าตลอดปีที่แล้วถึง 2 เท่า


          นายฟาตีห์ ไบรอล กรรมการบริหารของไออีเอ เตือนว่า การลดลงของก๊าซคาร์บอนในอดีตจะไม่มีประโยชน์หากเราไม่มีนโยบายของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ถูกต้อง และจะพบกับการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นอีกครั้ง พร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์ในช่วงปี 2551-2552 ที่มีการปล่อยก๊าซลดลง แต่เมื่อโรงงานฟื้นการผลิตปัญหามลพิษก็กลับมารุนแรงขึ้นในทันที
ข่าวทั้งหมด

X