ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2563

27 พฤษภาคม 2563, 08:52น.


โฆษกกลาโหม ส่งข้อมูลให้ตำรวจตามจับแก๊งหักหัวคิว



           การตรวจสอบหาคนที่เรียกรับหัวคิวเจ้าของโรงแรมหรือที่พักที่เป็นสถานที่กักตัวโรคโควิด -19 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตำรวจเก็บรายละเอียดแล้ว ส่วนจะเชื่อมโยงกับคนในศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 หรือ ศบค.หรือไม่ ต้องดูว่าจากการสืบสวนแล้วมีความเชื่อมโยงกับใครบ้าง ได้ข้อมูลมาแล้วเบื้องต้นว่ามีคนเกี่ยวข้อง 5-6 คน เชื่อว่าจะมีเพิ่มเติมอีกแต่ต้องรอตำรวจทำงานก่อน กลุ่มโรงแรมก็มีหลักฐานเป็นข้อความและหมายเลขโทรศัพท์ที่กลุ่มคนดังกล่าวทิ้งไว้รวมถึงมีกล้องวงจรปิดของโรงแรมที่เป็นประโยชน์



          พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 กล่าวว่า ได้รับหลักฐานจากกระทรวงกลาโหมแล้ว ตำรวจขอเวลาในการสืบสวนสอบข้อเท็จจริงก่อน



          รายงานระบุว่า ขบวนการแอบอ้างดังกล่าวตระเวนติดต่อโรงแรมหลายแห่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี พยายามหว่านล้อมว่า แม้โรงแรมจะถูกหักหัวคิวประมาณร้อยละ 30-40 แต่ให้โรงแรมออกบิลค่าใช้จ่ายรวม 30 วัน ซึ่งจริงๆแล้วผู้ที่เข้ามาพักตามมาตรการของรัฐจะใช้เวลาพักเพียง 14 วัน เท่านั้น ซึ่งจะทำให้โรงแรมได้รับเงินต่อห้องวันละ 1,285 บาท แต่ไม่มีโรงแรมใดเข้าร่วม เพราะกลัวว่าจะมีความผิดกับการเข้าร่วมขบวนการทุจริต



ปคม.เรียกแพทย์ ให้ปากคำ เอี่ยวขบวนการ "อุ้มบุญข้ามชาติ"



          การขยายผลจับบุคคลอีก 10 คน ที่เกี่ยวข้องกับคดีอุ้มบุญข้ามชาติ ขยายผลจากเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เปิดปฏิบัติการจับบุคคลที่รับจ้างตั้งครรภ์ที่มีนายทุนชาวจีนว่าจ้างผู้หญิงไทยอุ้มท้อง จำนวน 10 จุด เป้าหมาย 10 ราย ในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด จับนายจ้าวหรัน นายทุนชาวจีน และจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ 13 คน เป็นกลุ่มผู้รับจ้างตั้งครรภ์ 3 กลุ่ม เครือข่ายนี้เลี่ยงกฎหมายด้วยการพาไปฉีดสเปิร์มในประเทศเพื่อนบ้านแล้วกลับมาพักในไทยจนท้องแก่จึงไปคลอดที่ประเทศจีน



          พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม. เปิดเผยว่า คดีนี้ได้เตรียมออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มอีกประมาณ 10 คน มีทั้งแพทย์ นักวิชาการ และบุคคลอื่นๆ ในจำนวนนี้ติดต่อเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาบ้างแล้ว ส่วนที่ยังไม่แสดงตัวตำรวจได้ส่งชุดสืบสวนเข้าประกบตัวแล้ว คาดว่า ภายในสัปดาห์นี้จะสามารถปิดคดีได้ เพราะสำนวนคดีทั้งหมดได้ส่งให้อัยการพิจารณาแล้ว ตั้งข้อหาฐานสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า 



          เมื่อวานนี้ อดีตแพทย์สูตินรีเวช โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง มอบตัวกับ พ.ต.อ.มานะ กลีบศัตตบุศย์ รอง ผบก.ปคม. และ พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา ผกก.2 บก.ปคม. เนื่องจากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายรับจ้างอุ้มบุญข้ามชาติทำหน้าที่ผสมหัวเชื้อสเปิร์มและฉีดเชื้อใส่รังไข่แม่อุ้มบุญเพื่อให้ตั้งครรภ์ นอกจากนี้ ในวันนี้ ตร.ปคม.เรียกแพทย์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย    



          ก่อนหน้านี้  ตำรวจจับนายหน้า หญิงไทยคนหนึ่ง มีหน้าที่รับส่งโอนเงิน โดยพบเส้นทางการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ มากกว่า 70 ครั้ง ควบคุมตัวได้ที่บ้านพักย่านพระประแดง จ.สมุทรปราการ เบื้องต้น นายหน้าหญิงไทยคนนี้ ได้ใช้หลักทรัพย์เงินสด 200,000 บาท ขอประกันตัวในชั้นสอบสวน



กองปราบ สอบปากคำครอบครัว น.ส.ปุ๊ก เรื่องการดูแลเด็กสองคน



          พนักงานสอบสวนกองปราบปราม สอบปากคำพ่อ แม่ และน้องชายของ น.ส.นิษฐา วงวาล หรือ น.ส.ปุ๊ก เพื่อซักถามในประเด็นเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในครอบครัวช่วงระหว่างที่ น.ส.นิษฐา นำ ด.ญ.อมยิ้ม และ ด.ช.อิ่มบุญ มาเลี้ยงดูที่บ้านเมื่อช่วงปี 2561-2563 รวมถึงวิธีการเลี้ยงดูเด็กของ น.ส.นิษฐา



          รายงานข่าว ระบุว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของน.ส.ปุ๊ก ตั้งแต่ปี 2561-2563 ที่ได้เปิดบัญชีใช้สำหรับรับโอนเงินค่าสินค้าและเงินบริจาค พบหลักฐานการถอนเงินสดสำหรับค่าใช้จ่ายและค่าบริการต่างๆ ในชีวิตประจำวันรวมกว่า 1,000,000 บาท แบ่งเป็นเงินโอนเข้านับหมื่นรายการ และโอนออก 4,000-5,000 รายการ นอกจากนี้ยังมีสลิปการถอนเงินออกไปใช้เงินจำนวนมาก รวมมูลค่าเงินในสลิปต่าง ๆ ราว 400,000 บาท หลังจากนี้จะตรวจสอบให้แน่ชัดว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นสอดคล้องกับเงินค่ารักษาพยาบาลเด็กทั้งสองคนด้วยหรือไม่เพราะพบว่าเงินสดบางส่วนที่ถูกถอนมาก็ได้นำไปใช้เป็นค่ารักษาจริงแต่ก็มีบางส่วนที่ชำระไปโดยไม่ใช้เงินสดด้วย



พนง.สอบสวน เตรียมส่งขวดยาของน้องอิ่มบุญให้สธ.สอบ



          พล.ต.ท.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง พร้อมทั้ง พ.ต.อ.ณัฏฐ์ บุรณศิริ นักวิทยาศาสตร์ (สบ.4) กลุ่มงานตรวจชีววิทยาและดีเอ็นเอ เปิดเผยว่า พนักงานงานสอบสวนได้ส่งขวดยาพลาสติก 15 ขวด มาที่กลุ่มงานตรวจชีววิทยาและดีเอ็นเอ เพื่อตรวจหาดีเอ็นเอและลายนิ้วมือ ซึ่งการตรวจจะบันทึกสภาพหีบห่อ สลากบรรจุ เก็บดีเอ็นเอที่ภาชนะ เพื่อยืนยันว่าใครเป็นผู้จับต้องหรือสัมผัสขวดยาบ้าง หรือมีการใช้เพื่อนำไปให้เด็กกินหรือไม่ ซึ่งลักษณะของขวดยาเขียนชื่อน้องชายวัย 2 ขวบ กำกับไว้ รวมทั้งมีป้ายชื่อยา และยาหลงเหลืออยู่ พล.ต.ท.ธวัชชัย กล่าวว่า กลุ่มงานตรวจชีววิทยาและดีเอ็นเอ จะตรวจเฉพาะภาชนะหีบห่อเท่านั้น คาดว่า จะทราบผลภายใน 3 วัน หลังจากนั้นจะส่งให้ผู้ชำนาญเฉพาะของกระทรวงสาธารณสุข ตรวจหาชนิดยาที่บรรจุภายในตำรับยาว่าเป็นยาชนิดใด ใช้รักษาอาการอะไร และตรงกับฉลากที่ติดหรือไม่ ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ต้องไปหาต่อว่าใครเป็นผู้จ่ายยา และมาจากที่ใด 



 

ข่าวทั้งหมด

X