กมธ.ป.ป.ช.เรียก "จุรินทร์" ให้ข้อมูล 27 พ.ค.กรณีจนท.กักตุน-ส่งออกหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ. ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า หลังเปิดสมัยประชุมสภาฯ ใน วันที่ 22 พ.ค.นี้แล้ว จะนัดประชุม กมธ.ป.ป.ช.ในวันที่ 27 พ.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยมีวาระพิจารณาที่สำคัญคือ การตรวจสอบบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐกักตุน และลักลอบนำหน้ากากอนามัยส่งขายต่างประเทศ โดยฝ่าฝืนประกาศและคำสั่งกรมการค้าภายใน ซึ่งถือว่าเป็นการร่วมกันทุจริตและประพฤติมิชอบ ทำให้ประเทศเสียหาย และประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยได้เชิญหลายหน่วยงานเข้าให้ข้อมูล อาทิ สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ เข้าชี้แจง โดยกำหนดเวลาให้นายจุรินทร์ เข้าชี้แจงประมาณเวลา 14.30 น.
คดีนี้ เนื่องจาก นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา ม.รังสิต ในฐานะที่ปรึกษาประธาน กมธ.ป.ป.ช. ได้นำปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน เสนอให้ กมธ.ฯ พิจารณา เมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค. หลังจากมีกระแสข่าวการกักตุนหน้ากากอนามัยถึง 200 ล้านชิ้น แต่อธิบดีกรมการค้าภายใน ออกมาปฏิเสธว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากโรงงานทั่วประเทศมีเพียง 11 แห่ง และผลิตได้เพียง 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน 1 เดือนสามารถผลิตได้เพียง 36 ล้านชิ้นเท่านั้น จะเอาหน้ากากอนามัยที่ไหนมากักตุนถึง 200 ล้านชิ้น แต่สืบค้นย้อนหลังไป 1 เดือน จนถึงช่วงที่มีข่าวว่า นายจุรินทร์ ลงพื้นที่ตรวจโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย และให้ข่าวว่ามีสต๊อกถึง 200 ล้านชิ้น และมีศักยภาพการผลิตถึง 100 ล้านชิ้นต่อเดือน จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า หน้ากากอนามัยหายไปไหน
กมธ.ป.ป.ช.มีมติให้รับเรื่องไว้พิจารณา และในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลบางส่วนแล้ว แต่ต่อมาเป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ และมีการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 การประชุม กมธ.ป.ป.ช.จึงต้องงดไปเป็นการชั่วคราว
สคบ.ประชุมร่วมกับพาณิชย์จังหวัด ดำเนินการร้านถ่ายเอกสารแห่งหนึ่งคิดค่าบริการสูงเกินจริง
นายพิฆเนศ ต๊ะปวง รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ประชุมร่วมกับพาณิชย์จังหวัด แนวทางการดำเนินการกรณีร้านถ่ายเอกสารแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นนทบุรี คิดค่าบริการถ่ายเอกสารสูงเกินจริง เนื่องจากถ่ายเอกสารขาวดำ 11 แผ่น โดนไป 420 บาท การประชุมมีผู้เสียหาย ผู้ประกอบการ และผู้ให้เช่าสถานที่ มาร่วมกันแก้ปัญหาว่าจากการหารือจะมีการดำเนินการทั้งทางแพ่งและอาญา โดยทางอาญา จะใช้กฎหมายพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 อีกส่วนคือความผิดทางแพ่ง สคบ.ได้คุยกับผู้ประกอบการให้คืนเงินกับผู้เสียหายทั้งหมด แต่ผู้เสียหายไม่ขอรับเงิน แต่อยากให้รัฐไปดำเนินการกับผู้ประกอบการ และให้เข้าไปกำกับดูแลไม่ให้มีการกระทำในลักษณะนี้ขึ้นอีก ไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ
สคบ.จะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันกวดขันและตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้ หรือเกิดปัญหาที่มีข้อพิพาท พร้อมกำชับเจ้าของสถานที่ให้ช่วยตรวจสอบผู้เช่าด้วยว่าจะต้องประกอบธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมาย มีการแสดงป้ายราคาสินค้าให้ชัดเจน
ด้านพาณิชย์จังหวัดตรวจสอบกรณีนี้ พบว่า บริการถ่ายเอกสารดังกล่าวเป็นบริการที่มีกฎหมายกำกับ คือ ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 103 กำหนดให้เป็นบริการที่ต้องแสดงราคาในสถานที่จำหน่าย ถ้าคิดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ต้องแสดงไว้เช่นกัน แต่จากข้อเท็จจริงมีเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่พบเห็นว่าเป็นความผิด คือ คิดค่าบริการสูงกว่าที่แสดงไว้ หรือคิดราคาที่ไม่ชัดเจนจนก่อให้ความเข้าใจผิดและเกิดความเสียหายกับผู้ใช้บริการ โดยจากนี้จะมีการทำหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
เด้ง 3 ตร.จับประมงพื้นบ้านสุราษฎร์ฯ ตั้งกรรมการสอบเรียกรับเงินจริงหรือไม่
กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธร ภาค 8 จำนวน 3 นาย มีกรณีพิพาทกับชาวบ้านซึ่งประกอบอาชีพประมง ในพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จนเกิดการปิดล้อมรถยนต์ตำรวจไม่ให้ออกจากพื้นที่ โดยฝ่ายชาวบ้านอ้างว่าตำรวจทั้ง 3 นาย เข้ามายึดลูกหอยแครงมูลค่า 500,000 บาท จากผู้ที่มารับซื้อจากชาวประมง พร้อมเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าล่าสุดตำรวจทั้ง 3 นาย ถูกคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมมีคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น หากพบว่าทั้ง 3 นาย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ มีการเรียกรับเงินเพื่อให้ไม่ถูกดําเนินคดีจริง ให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ นิ้วไหนร้ายต้องตัดทิ้ง
ผู้ต้องหา ชิงเงินล้าน หน้าแบงก์เชียงแสน ผูกคอตายหนีผิด
พ.ต.อ.สมภพ สุภาพร ผกก.สภ.ภูกามยาว จ.พะเยา รับแจ้งเหตุมีคนฆ่าตัวตายในคอกเลี้ยงวัว บ้านสันป่าส้าน หมู่ 12 ต.ห้วยแก้ว อ.ภูกามยาว จ.พะเยา เดินทางลงพื้นที่พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธรรมศักดิ์ ปิ่นทอง ผบก.ภ.จว.พะเยา แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลพะเยา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดพะเยา, ชุดสืบสวน สภ.ภูกามยาว เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานพะเยา ฝ่ายปกครอง และชุดกู้ภัยภูกามยาว พบศพนายชื่นใจ๋ ก้อนคำ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 12 บ้านสันป่าส้าน ต.ห้วยแก้ว อ.ภูกามยาว จ.พะเยา ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนชิงเงินสด จำนวน 1,050,000 บาท จากเจ้าหน้าที่สหกรณ์การเกษตรเชียงแสน จำกัด ก่อนหลบหนีมากบดานอยู่ในพื้นที่ อ.ภูกามยาว จ.พะเยา โดยใช้เชือกไนล่อนสีเขียวผูกคอเสียชีวิตในปางวัว บ้านสันป่าส้าน หมู่ 12 ต.ห้วยแก้ว อ.ภูกามยาว จ.พะเยา ซึ่งเป็นที่เลี้ยงวัวของพี่ชาย
ก่อนหน้านี้ นายชื่นใจ๋ ติดต่อประสานเพื่อขอมอบตัวที่ สภ.ภูกามยาว จ.พะเยา แต่ไม่ได้มามอบตัวตามที่ประสานไว้ จนมาพบศพผูกคอเสียชีวิตหนีความผิด โดยจะนำร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลพะเยาเพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรการเสียชีวิตอีกครั้ง หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจะเข้าไปตรวจค้นบ้านของพ่อและพี่ชาย ผู้เสียชีวิตเพื่อหาทรัพย์สินและของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ