คนไทย ใส่หน้ากากอนามัย-ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สูงที่สุดใน 6 ประเทศอาเซียน

20 พฤษภาคม 2563, 13:32น.


         นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. กล่าวว่า บริษัท YouGov ของอังกฤษ สำรวจพฤติกรรมการป้องกันตัวเองของประชาชนใน 6 ประเทศกลุ่มอาเซียน คือ ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย จากกลุ่มตัวอย่าง 12,999 คน พบว่า คนไทยมีพฤติกรรมใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์สูงที่สุดในอาเซียน พบว่า ร้อยละ 95 ใส่หน้ากากอนามัย ร้อยละ 89 ใช้เจลล้างมือ



        ส่วนการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการโรคโควิด-19 ไทยตรวจตัวอย่าง 328,073 ตัวอย่าง (ตัวเลข 15 พ.ค.) จากห้องปฏิบัติการ 167 แห่งทั่วประเทศ สถิติเฉลี่ยตรวจ 100 คน พบผู้ติดเชื้อ 0.92 ประมาณ 1 คน ดีกว่าหลายๆประเทศ อย่างไรก็ตาม จำนวนการตรวจมากกว่า 300,000 คน ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ต้องตรวจเพิ่มให้ได้มากกว่าปัจจุบัน เพื่อหากลุ่มเสี่ยงเข้ามาตรวจให้ได้มากที่สุด



       สำหรับการลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์ม ไทยชนะ ข้อมูลเมื่อวันที่19 พ.ค.พบว่า



-ร้านค้าลงทะเบียน 67,904 ร้าน



-ผู้ใช้บริการ 5,077,978 คน



-ผู้ใช้เช็คอิน  8,584,803 ครั้ง



-เช็คเอาท์ 6,359,921 ครั้ง และผู้ใช้บริการประเมินร้านค้า 3,984,691 ครั้ง พบว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ มีการใช้งานมากที่สุด



          ศบค.ย้ำอยากให้ทุกคนเห็นความสำคัญกับการเช็คอินและเช็คเอาท์ ทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆที่เข้าไปซื้อของหรือรับประทานอาหารด้วย เนื่องจากจะได้เป็นฐานข้อมูล ตรวจสอบย้อนหลังหากพบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เช่นเดียวกับการขอความร่วมมือร้านค้าด้วย การลงทะเบียนจะสามารถเก็บข้อมูลได้ 60 วัน ประเทศไทยมีประสบการณ์จากการติดเชื้อในสนามมวย ช่วงแรกพบผู้ติดเชื้อเพียงไม่กี่คน แต่ผ่านไปไม่กี่วัน มีการขยายไปในวงกว้าง ในช่วงแรกอาจจะยังไม่คุ้นเคย แต่เชื่อว่าน่าจะดีขึ้น  



         ส่วนการจัดชุดตรวจดูสถานที่ที่ได้รับการผ่อนปรนระยะ 2 ตัวเลขเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ตรวจไปกว่า 17,588 แห่ง มีจำนวน 5 ร้านที่ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องเว้นระยะห่าง จำนวนผู้ใช้บริการ เจ้าหน้าที่ได้ตักเตือน แนะนำ และจะกลับไปตรวจซ้ำ หากยังไม่ปฏิบัติตามจะถูกสั่งปิดปรับปรุง ขณะที่มีจำนวน 1,863 แห่ง ปฏิบัติตามแต่ไม่ครบทุกข้อ เช่น กองถ่าย สถานที่ออกกำลังกาย ร้านตัดผม ห้องสมุด จึงขอให้ช่วยกัน เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้นำกลับมาประเมินผ่อนปรนระยะต่อไป



       สถานประกอบการที่ขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้เปิดบริการ ขอให้เตรียมตัววางแผน ควบคุมสถานประกอบการของตัวเอง หากได้รับความร่วมมือและสถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้น อาจจะได้รับการเปิดกิจการในระยะ 3  เชื่อว่าถึงแม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสกลับมาเปิดได้ แต่ต้องอยู่ในวิถีใหม่



 

ข่าวทั้งหมด

X