*สรุปข่าว18.00น.*

12 ธันวาคม 2557, 19:10น.


+++หลังจากราคาน้ำมันดิบลดลงมาสู่ระดับต่ำสุดใน 5 ปี มาอยู่ระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการ สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และนายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระ เสนอรัฐบาลเร่งปรับโครงสร้างพลังงานโดยด่วน ราคาพลังงานทั้งน้ำมัน ก๊าซแอลพีจี มีโอกาสปรับลดทุกประเภท แต่ต้องมีการปรับโครงสร้างภาษีและกองทุนน้ำมันอัตราที่เหมาะสม หลังจากเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมที่จะดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมัน เพื่อป้องกันความผันผวนในอนาคต ส่วนปีหน้าต้องจับตาการประชุมกลุ่มโอเปก 5 มิ.ย.ว่าจะลดกำลังผลิตหรือไม่ หากไม่ลดราคาน้ำมันอาจต่ำระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลไปอีก 1 ปี



+++นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ 15 ธ.ค.จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยกระทรวงพลังงานจะนำข้อเสนอการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่า จะเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้แก่กลุ่มผู้ใช้พลังงานทุกกลุ่มในประเทศ โดยเฉพาะภาคประชาชนซึ่งจะได้ใช้พลังงานในราคาที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ส่วนการปรับลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน สะท้อนราคาหน้าโรงกลั่น ส่วนดีเซล ลดต่ำกว่าตลาดโลก ซึ่งเป็นเหตุผลจากต้องมีการสะสมเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้เหมาะสมสำหรับการดูแลสถานการณ์การผันผวนพลังงานในอนาคต ซึ่งจะเป็นวงเงินเท่าใด ต้อง รอ กพช.เห็นชอบจาก อัตราปัจจุบันมีเงินอยู่ 10,169 ล้านบาท หลังจากกองทุนน้ำมันมีวงเงินที่เหมาะสม ราคาพลังงานจะสะท้อนต้นทันตลาดโลก โดยจะมีการปรับโครงสร้างภาษีและกองทุนสะท้อนต้นทุน



+++ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ปรับลดประมาณการความต้องการน้ำมันโลกในปีหน้าว่าจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงไม่จูงใจให้ความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น ไออีเอ คาดว่า ความต้องการน้ำมันในปี 2558 จะเพิ่มขึ้นวันละ 9 แสนบาร์เรลเป็น 93.3 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้  2 แสน 30,000 บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบขณะนี้ซื้อขายที่บาร์เรลละ 60 ดอลลาร์สหรัฐ ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี และลดลงกว่าร้อยละ 40 นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน เนื่องจากการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานของสหรัฐฯ ทำให้ปริมาณน้ำมันโลกล้นตลาด



และการที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มีปัญหาเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ค่าจ้างเพิ่มขึ้นช้า และมีแรงกดดันเรื่องภาวะเงินฝืดจะยิ่งทำให้มีแรงจูงใจที่จะกดราคาน้ำมันให้ต่ำลงอีก ปัญหานี้จะส่งผลรุนแรงต่อประเทศส่งออกน้ำมันที่ขาดแคลนเงินสดอย่างรัสเซียและเวเนซุเอลา เพราะเสี่ยงจะก่อให้เกิดความไม่สงบในสังคมหรือปัญหาในการชำระคืนหนี้



+++พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อน (ปนม.) และคณะได้เดินทางไปมอบมาตรการการเฝ้าระวังการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังต่างประเทศผ่านทางชายแดนด้าน จ.เชียงราย โดยคณะเดินทางไปตรวจสอบการส่งออกน้ำมันที่ด่านศุลกากรห้าเชียง ตั้งอยู่บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน ติดกับสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นจุดส่งออกน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้ง สปป.ลาว ประเทศเมียนมาร์ และไปถึงมณฑลยูนนาน จีนตอนใต้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าจุดดังกล่าวมีการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งดีเซล และเบนซินตั้งแต่เดือน ต.ค.2556-พ.ย.2557 รวมแล้วจำนวน 1 ล้าน2 แสน 3 หมื่น 5,856 ลิตร มูลค่า 45,427,813 บาท ส่วนก๊าซหุงต้ม มีการส่งออกรวม 264,941.22 กิโลกรัม มูลค่า 8,073,802.94 บาทด้วย พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า หากรวมการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งที่ด่าน อ.แม่สาย และ อ.เชียงของ ของ จ.เชียงราย พบว่ามีการส่งออกไปปีละมูลค่าหลายพันล้านบาท และพบว่าทาง ปนม.ภ.5 ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคเหนือสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดฐานฉ้อฉลภาษีได้หลายรายสร้างความเสียหายให้กับรัฐหลายร้อยล้านบาท พฤติการณ์ส่วนใหญ่เป็นการสำแดงเท็จ ปลอมปนน้ำมันส่งออก นำน้ำมันส่งออกกลับมาขายในประเทศเพื่อทำกำไร นอกจากนี้ยังพบผู้กระทำผิดด้วยการส่งออกก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนโดยผิดกฎหมาย ซึ่งในช่วงเดือน พ.ย.ยึดของกลางเป็นก๊าซหุงต้มที่ลักลอบได้กว่า 1,000 ถัง ทำให้รัฐเสียหายหลายร้อยล้านบาทเช่นกัน   พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ ได้ให้มาตรการดำเนินการด้วยการจัดชุดตรวจสอบที่จุดส่งออกร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศุลกากร สรรพสามิตรและทหาร จัดชุดออกตรวจตราในพื้นที่เฝ้าระวัง ใช้สารเคมีผสมในน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อตรวจสอบไม่ให้มีการลักลอบนำน้ำมันกลับมาขายในประเทศอีก และกรณีจับกุมผู้กระทำผิดก็จะตั้งข้อหาเพื่อการลงโทษโดยไม่ลดหย่อนด้วย



+++การปรับขึ้นอัตราค่ารถแท็กซี่มิเตอร์ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า อัตราค่าโดยสารใหม่มีผลบังคับตามกฎหมายในวันที่ 13ธ.ค. แต่ในทางปฏิบัติ แท็กซี่ยังไม่สามารถปรับค่าโดยสารได้ จนกว่าจะผ่านการตรวจสอบสภาพรถ ปรับจูนมิเตอร์ และซิลล์ตะกั่วจากกรมการขนส่งทางบกก่อน คาดว่าภายใน 7-10 วันจะมีแท็กซี่กลุ่มแรกทยอยใช้อัตราค่าโดยสารมาให้บริการ และคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 40 วัน หลังจากนี้จะมีการตรวจสภาพรถแท็กซี่และมีการใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ทั้งระบบ ช่วงแรกจะมีการปรับอัตราค่าโดยสารแท็กซี่เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8 จากนั้นในช่วงที่สองจะมีการปรับอัตราค่าโดยสารอีกร้อยละ 5 หลังจากนี้ 6 เดือน หลังจากมีการปรับค่าโดยสารช่วงแรกจะประเมินความพึงพอใจในการให้บริการว่า คุณภาพคนขับ วาจา การแต่งกาย การปฏิเสธผู้โดยสาร หรือไม่อย่างไร โดยกรมจะทำแอพลิเคชั่นเช็คอินแท็กซี่ พร้อมประเมินผลว่าควรปรับค่าแท็กซี่รอบสองหรือไม่



+++ หุ้นไทย ปิดตลาด ร่วง11.86จุด ดัชนีอยู่ที่1,514.95จุด มูลค่าซื้อขาย51,027.67ล้านบาท



+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ช่วยหนุนมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ  ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้น 114.18 จุด ปิดที่ 17,371.58 จุด



+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดปรับตัวลดลงในวันนี้ หลังจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลง ดัชนีฮั่งเส็งลดลง 63.34 จุด ปิดวันนี้ที่ 23,249.20 จุด



+++ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)รับทราบรายงานการรวบรวมความเห็นของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ชุดต่างๆ เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ก่อนที่จะส่งต่อให้คณะกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ภายในวันที่ 19 ธ.ค. โดยให้เวลาคณะละ 5 นาที ความเห็นที่น่าสนใจคือ เสนอให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ไม่เกิน 2 วาระ ติดต่อกัน ยังคงให้มีสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา โดย ส.ว.ให้มาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ 5 กลุ่มวิชาชีพ และลดวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการในองค์กรอิสระจากเดิม 9 ปี เพิ่มกลไกการตรวจสอบการทุจริต ให้ประชาชนมีสิทธิจะฟ้องศาลได้โดยตรง และไม่มีการกำหนดอายุความในคดีทุจริต และสร้างความหายต่อรัฐ



+++ส่วนการประชุมของคณะกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในช่วงบ่ายเป็นการรับทราบรายงานของอนุกมธ.พิจารณาศึกษาภาค 2 ว่าด้วยผู้นำการเมืองที่ดี และสถาบันการเมือง ที่เบื้องต้นเสนอให้นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง ดำรงตำแหน่งไม่เกิน 2 วาระ วาระละ 4 ปี โดยประชาชนสามารถลงชื่อถอดถอนได้ด้วย



+++สถานการณ์ในต่างประเทศ พายุฝนและลมแรงที่สุดในรอบ 5 ปี พัดถล่มรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ การจราจรเป็นอัมพาต ประชาชนขาดแคลนแก๊สและไฟฟ้า และยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนกำลังลง ฝนที่ตกหนัก 4-8 นิ้วและลมแรงราว 140 ไมล์ต่อชั่วโมงจากพายุ ไพน์แอปเปิล เอ็กซ์เพรส ในมหาสมุทรแปซิฟิกได้พัดถล่มทางตอนเหนือและตอนกลางของรัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐฯ นับเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบ 5 ปี ส่งผลให้ประชาชนกว่า 2 แสนคนไม่มีแก๊สใช้ บ้านเรือนหลายหมื่นหลังคาเรือนไม่มีกระแสไฟฟ้า เที่ยวบินราว 240 เที่ยวที่ต้องเดินทางเข้าและออกจากสนามบินนานาชาติซานฟรานซิสโกต้องถูกยกเลิกในช่วงสาย และเที่ยวบินอื่นๆ ต้องล่าช้าออกไปอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และโรงเรียนหลายแห่งในซานฟรานซิสโก โอ๊คแลนด์ และเบิร์คลีย์ต้องปิดการเรียนการสอน ขณะที่รถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองซานฟรานซิสโกก็ต้องหยุดวิ่งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้าเช่นกันเนื่องจากขาดกระแสไฟฟ้าและมีน้ำท่วม เช่นเดียวกับรถประจำทางที่ต้องหยุดวิ่งหลายสาย นอกจากที่แคลิฟอร์เนียแล้ว บางส่วนของรัฐโอเรกอนและวอชิงตันก็ต้องเผชิญกับฝนตกหนักและลมแรงด้วย



+++นายแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งเว็บไซท์ซื้อขายสินค้าออนไลน์ หรือ อี คอมเมิร์ซ อาลีบาบา  ได้ก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งในทำเนียบมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย เว็บไซท์ข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่านายหม่า มีทรัพย์สินมูลค่า 28,600 ล้านดอลล่าร์ ทำให้เขาสามารถแย่งตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเอเชีย มาจากนายหลี่ กาชิง มหาเศรษฐีชาวฮ่องกง ที่มีทรัพย์สินมูลค่า 28,300 ล้านดอลล่าร์  นายหม่า สามารถครองอันดับหนึ่งของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย หลังจากบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอี คอมเมิร์ซ ก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างสวยงาม ทำสถิติการขายหุ้นให้กับนักลงทุนเป็นครั้งแรก หรือ ไอพีโอ ด้วยมูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้นนิวยอร์ก 

ข่าวทั้งหมด

X