ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563

การบินไทย ยื่นแผนฟื้นฟูฯ เสนอศาลล้มละลายกลาง ภายในต้นเดือน มิ.ย.

          นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ให้บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ล้มละลาย พ.ศ. 2483 ภายใต้คำสั่งศาลล้มละลายกลาง และให้บริษัทการบินไทย พ้นจากสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจโดยเด็ดขาด สำหรับขั้นตอนจากนี้  

1.กระทรวงการคลัง ต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทการบินไทย ลงให้ต่ำกว่าร้อยละ 50 เพื่อให้บริษัทการบินไทย พ้นจากสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ

2.บริษัทการบินไทย ต้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและเสนอตัวเองเป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ ต่อศาลล้มละลายกลาง โดยกระทรวงคมนาคม จะทำการคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาเป็นคณะทำงานจัดทำแผนฟื้นฟู ขณะนี้มีรายชื่อไม่น้อยกว่า 15 รายชื่อ และจะเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาภายในสัปดาห์หน้า หากนายกรัฐมนตรีเห็นชอบ คณะทำงานก็จะเริ่มประชุมจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการทันทีเพื่อยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง โดยจะยื่นทั้งศาลไทยและศาลสหรัฐฯ

3.บริษัทการบินไทย ตั้งคณะทำงานเพื่อเจรจากับเจ้าหนี้

4.ศาลล้มละลายกลาง รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทการบินไทย ได้รับความคุ้มครองอยู่ในสภาวะพักชำระหนี้

5.ส่งหมายให้เจ้าหนี้

6.ประชุมเจ้าหนี้

7.ศาลล้มละลายกลาง ไต่สวนคำร้อง และตั้งผู้ทำแผนเพื่อเข้าควบคุมกิจการ

8.ประชุมเจ้าหนี้เพื่อปรับปรุง อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการ

9.ศาลล้มละลายกลาง พิจารณาเห็นชอบแผน และแต่งตั้งผู้บริหารแผน

10.ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งประเมินว่ากระบวนการทั้งหมดนี้น่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย. 2563

ตั้งทีมเจรจาแฮร์คัทหนี้กับเจ้าหนี้ทั้งในและต่างประเทศ

          การตั้งทีมเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับกลุ่มเจ้าหนี้ของบริษัทการบินไทย ทั้งเจ้าหนี้ในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเจ้าหนี้ต่างประเทศรายใหญ่ ได้แก่ บริษัทโบอิ้ง สหรัฐฯ ที่มีหนี้อยู่กว่าแสนล้านบาท ส่วนเจ้าหนี้ในประเทศที่เป็นกลุ่มสถาบันการเงินมีอยู่หลายสถาบันแต่ที่มีหนี้มากสุดก็จะเป็นธนาคารกรุงไทย (KTB) อย่างไรก็ตามเชื่อว่าถ้าหากมีการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้โดยการขอลดหนี้ หรือแฮร์คัท รวมทั้งแปลงหนี้เป็นทุน การบินไทยก็จะต้องลดทุนจดทะเบียนและเพิ่มทุนก่อนที่จะทำการแฮร์คัทหรือการแปลงหนี้เป็นทุน บริษัทการบินไทย จะยื่นแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางภายในต้นเดือน มิ.ย.นี้

          ส่วนเรื่องการลดสัดส่วนการถือหุ้นการบินไทย ปัจจุบันกระทรวงการคลังถือหุ้นร้อยละ 51.03 เหลือเพียงร้อยละ 48 กองทุนรวมวายุภักษ์ จะมีการประชุมกันในวันที่21พ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาอนุมัติซื้อหุ้นการบินไทยในสัดส่วนร้อยละ3จากกระทรวงการคลัง โดยจะใช้เงินสภาพคล่องของกองทุนที่มีอยู่คาดว่าจะใช้เงินไม่ถึง300ล้านบาท จากจำนวนหุ้นประมาณ70ล้านหุ้น ในราคาที่เหมาะสมซึ่งต้องไม่สูงกว่าราคาในกระดานในวันที่ซื้อ ปัจจุบันกองทุนรวมวายุภักษ์ถือหุ้นในบริษัทการบินไทยอยู่แล้ว แบ่งเป็นถือโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมเอ็มเอฟซี ร้อยละ 7.56และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมกรุงไทยร้อยละ 7.56 ทั้งนี้ จะต้องเร่งแต่งตั้งบอร์ดการบินไทยให้ครบก่อนสิ้นสภาพรัฐวิสาหกิจ และตั้งดีดีการบินไทยเร็วที่สุด เพื่อทำแผนฟื้นฟูกิจการ

รมว.คมนาคม ยืนยัน ไม่มีการเพิ่มทุน-เจรจาสหภาพฯ

          นายศักดิ์สยาม  ยืนยันว่าจะไม่มีการกู้เงินหรือเพิ่มทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องให้บริษัทการบินไทย และจะเจรจากับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัทการบินไทย เพื่อให้รับทราบถึงสถานะการเงินปัจจุบัน และจะแก้ปัญหาให้พนักงานตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

          ปี 2562 บริษัทการบินไทย มีภาระหนี้ 147,352 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนเจ้าหนี้ต่างประเทศร้อยละ 35 และเป็นหนี้ไฟแนนเชียล ร้อยละ10 โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่เกิดจากการเช่าซื้อเครื่องบิน และหากรวมภาระหนี้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2563 ซึ่งมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยมูลหนี้จะเพิ่มเป็นกว่า 200,000 ล้านบาท

CR:Facebook กระทรวงคมนาคม

"ทริสเรทติ้ง" หั่นเครดิตการบินไทยเหลือ C จาก BBB

          บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ปรับลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันของ การบินไทยเป็นระดับ "C" จาก "BBB" โดยอันดับเครดิตที่ถูกปรับลดลงสะท้อนการคาดการณ์ที่บริษัทจะพักชำระหนี้ เมื่อศาลล้มละลายกลาง รับพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ จะส่งผลให้บริษัทการบินไทย เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายกลางโดยบริษัทจะพักชำระหนี้ (Automatic Standstill) เจ้าหนี้ทุกรายตามกฎหมาย ซึ่งหมายถึงบริษัทการบินไทยจะหยุดชำระหนี้จนกว่าแผนฟื้นฟูกิจการจะได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย

จับตา! กนง.วันนี้ ลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ 0.50% ต่อปี

         น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)  มีโอกาสที่ กนง.จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.25 ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดครั้งใหม่เพื่อประคองเศรษฐกิจ  จากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เศรษฐกิจไทยรวมทั้งตลาดการเงินโลกผันผวนอย่างหนัก คาดว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยต่อจากนี้ในปีนี้ จะขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจะสามารถเกิดขึ้นได้ในสองกรณี คือ กรณีฐาน (Base case) สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ภายในครึ่งปีแรก และไม่เกิดการระบาดใหม่รอบ 2 กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาในรูปแบบ New Normal หรือหากกรณีเกิดการระบาดใหม่รอบ 2 รัฐบาลต้องออกมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดจะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจอีกระลอก

ดาวโจนส์ ร่วง 390 จุด เตือนล็อกดาวน์ทำเศรษฐกิจสหรัฐฯเสียหายถาวร

         สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ ปิดที่ 32.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนงวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ ปิดที่ 31.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 16 เซนต์ ปิดที่ 34.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบแรง หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เตือนถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯต้องเผชิญ จากวิกฤตโควิด-19 ดาวโจนส์ ลดลง 390.51 จุด ร้อยละ 1.59 ปิดที่ 24,206.86 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 30.97 จุด ร้อยละ 1.05  ปิดที่ 2,922.94 จุด แนสแดค ลดลง 49.72 จุด ร้อยละ 0.54 ปิดที่ 9,185.10 จุด

          นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้ปากข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งของวุฒิสภาว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯเสี่ยงที่ต้องประสบกับความเสียหายอย่างถาวร หากยังไม่คลายมาตรการล็อกดาวน์ ความเห็นของรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ทำให้ราคาทองคำพุ่งแรง ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 11.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,745.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์