ตร.ปอท. จับกุมผู้ต้องหาหลอกขายหน้ากากอนามัย พบก่อเหตุซ้ำหลังได้รับการประกันตัว

          ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับกุมนายพายุทัศ ทองภู่ ผู้ต้องหาหลอกขายหน้ากากอนามัยแต่ไม่ส่งสินค้าให้ลูกค้า ซึ่งนายพายุทัศเคยถูกจับกุมไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 ต่อมาได้รับการประกันตัว แต่ยังมาก่อเหตุซ้ำ 

          พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ หัวหน้าชุดปฎิบัติการที่ 2 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เป็นการจับกุมนายพายุทัศครั้งที่ 2 พร้อมกับพวกอีก 2 คน คือ น.ส.นภัสต์ศรณ์ แถลง และน.ส.ชญาดา เมธาโยธินกุล ซึ่งทำเป็นขบวนการ โดยมีลักษณะคือ ผู้ต้องหาจะหลอกผู้เสียหายโดยอ้างว่าจะปล่อยเงินกู้ให้ แต่ต้องส่งข้อมูลส่วนตัวมาให้ก่อน จากนั้นผู้ต้องหาจะนำข้อมูลส่วนตัวไปเปิด E-Banking เพื่อใช้เป็นบัญชีรับโอนเงินจากการกระทำความผิด เพื่อหลอกลวงขายหน้ากากอนามัยให้ผู้เสียหายที่ต้องการสินค้าในราคาถูก กล่องละ 450 บาท ราคาเฉลี่ยชิ้นละ 9 บาท เมื่อมีผู้เสียหายโอนเงินซื้อสินค้า แต่กลับไม่ส่งสินค้าให้ เบื้องต้นพบว่า มีผู้หลงเชื่ออย่างน้อย 20 คน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท โดยผู้เสียหายได้ไปแจ้งความดำเนินคดีไว้กับพนักงานสอบสวน 15 สถานีตำรวจ จากนั้นก็ได้เข้ามาร้องเรียนที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำไปสู่การจับกุมได้ในที่สุด

         สำหรับผู้ต้องหากลุ่มนี้ทำเป็นขบวนการ มีนายพายุทัศเป็นหัวหน้า ส่วนน.ส.นภัสต์ศรณ์ เป็นคนนำข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่นมาเปิดบัญชีทางเพจเฟสบุ๊ก และน.ส.ชญาดาทำหน้าที่กราฟฟิก นำภาพต่างๆมาตัดต่อสร้างความน่าเชื่อถือ เริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

          พล.ต.ต.พันธนะ ฝากเตือนให้ประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อให้ข้อมูลส่วนตัวกับผู้อื่น เพราะอาจกลายเป็นผู้ให้การสนับสนุนก่อเหตุไปด้วย

          ด้านผู้เสียหายที่ถูกหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวไป ยอมรับว่า ตอนแรกต้องการกู้เงิน กระทั่งพบว่ามีการปล่อยกู้เงินผ่านทางออนไลน์ จึงเข้าไปพูดคุยรายละเอียด จนมีการตกลงกู้เงินกัน โดยผู้ต้องหาขอข้อมูลส่วนตัว ทั้งสำเนาบัตรประชาชน สำเนาบัญชีธนาคาร สำเนาบัตรเอทีเอ็มและรหัสบัตร รหัสมือถือ อ้างว่านำมาเป็นหลักฐานการกู้เงิน ซึ่งขณะนั้นหลงเชื่อให้ข้อมูลไป ต่อมามีคนติดต่อมาว่า โอนเงินค่าหน้ากากอนามัยให้ แต่ทำไมถึงไม่ได้รับสินค้า ทำให้รู้ว่าตนเองถูกหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวไปหลอกผู้อื่นอีกทอดหนึ่ง

....