โควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ส่งผลกระทบหลายด้าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ระดมความคิดจากนักวิชาการ ร่วมในวงเสวนาหัวข้อ ทิศทางประเทศไทย : ฝ่าวิกฤตโควิด-19 สู่ชีวิตวิถีใหม่ เพื่อประเมินสถานการณ์พร้อมแนะนำแนวทางการรับมือกับโรคโควิด-19 ในอนาคต
นายวรากรณ์ สามโกเศศ กรรมการคณะที่ปรึกษาด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นตรงกันว่า โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาดและอยู่ในไทยไปอีกนาน ส่วนผลกระทบของโรคโควิด-19 จะส่งผลหลายอย่าง เช่น
-จะมีคนไทยว่างงานถึง 7 ล้านคน
-พฤติกรรมของมนุษย์เปลี่ยนไป
-ความขัดแย้งของประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะสหรัฐฯและจีน
นายวรากรณ์ มองว่า ช่วงเวลาที่เร็วที่สุด คือ ปลายปีนี้จะมีการผลิตวัคซีนออกมา แต่กว่าใช้ได้จริงคงปีหน้า คาดว่า เร็วที่สุดที่ทุกอย่างในไทยจะกลับมาปกติก็ไตรมาสแรกปีหน้า จึงแนะนำภาครัฐ เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยประชาชนที่เสียโอกาสก่อนเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะประชาชนรายได้น้อย ด้วยการเพิ่มช่องทางสร้างรายได้และทักษะ พร้อมแนะให้ไทยทำสกุลเงินบาทอยู่ในรูปแบบดิจิทัลเหมือนเงินสกุลหยวนของจีน และย้ำว่า รัฐบาลต้องใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทอย่างตรงจุด ในส่วนภาคประชาชน นายวรากรณ์ แนะนำว่าตอนนี้ต้องทำ 2 เรื่อง คือ
-ต้องปรับตัวให้ทันเทคโนโลยี
-พัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ
ด้านนายวิวัฒน์ เพิ่มเติมว่า ประชาชนควรสร้างสุขนิสัยใหม่ เน้นพึ่งพาตัวเองเป็นหลัก หลีกเลี่ยงไปในสถานที่แออัด ในส่วนตัวเคยทำโครงการด้านการรณรงค์การป้องกันโรคระบาดและภัยพิบัติต่าง ๆ ร่วมกับสสส.เพื่อจัดอบรมให้ผู้เข้าร่วมอบรมมาก่อนแล้วถึง 5 รุ่น ทำให้เมื่อเกิดการระบาดครั้งนี้ผู้ที่เคยเข้าอบรมก็มีความรู้พื้นฐานป้องกันตัวเองได้ระดับหนึ่ง
สำหรับงานเสวนาที่จัดโดยสสส.ในวันนี้ ได้จัดเวทีตามรูปแบบวิถีใหม่ โดยมีฉากกั้นระหว่างผู้เข้าร่วมเสวนาทุกคน พร้อมมี Face Shield และการใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดด้วย