การผ่อนคลายระยะที่ 2 หลังสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือ โควิด-19 ของไทย นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ของไทย สู้มา 128 วัน แม้ว่าสถานการณ์ของประเทศจะดีขึ้น ซึ่งต้องชื่นชมการควบคุมโรคของประเทศไทย แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงยังต้องเฝ้าระวัง ได้แก่
1.การพบผู้ติดเชื้อใน State Quarantine ซึ่งสามารถควบคุมได้
2.กลุ่มผู้ติดเชื้อสัมผัสจากคนในครอบครัว
3.ผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุก (Active case finding) ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งในระยะหลังจะตรวจพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นในกลุ่มนี้
และหลังจากวันนี้ที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 2 ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขต่อไปให้เป็นนิสัยสร้างชีวิตวิถีใหม่ตามมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2
โดยชีวิตวิถีใหม่ประชาชนให้คัดกรองตนเองว่าป่วยหรือเสี่ยงป่วย ประเมินความจำเป็นและวางแผนออกนอกบ้านให้สั้น เลือกสถานบริการมาตรฐานตามมาตรการของรัฐ ใช้เครื่องป้องกันสวมหน้ากาก เจลแอกอฮอล์ และให้ความร่วมมือตามมาตรการของสถานประกอบการ
ส่วนผู้ประกอบการ ที่กลับมาเปิดให้บริการ ขอให้จัดให้มีการลงทะเบียน จัดคิวล่วงหน้า จัดสถานที่รอ มีจุดคัดกรอง จุดบริการล้างมือ จัดสถานที่หรือบริการลดความหนาแน่น เว้นระยะ ทำความสะอาดจุดเสี่ยง จุดสัมผัสร่วม ดูแลระบบระบายอากาศ งดจำหน่ายสุรา จำกัดเวลาใช้บริการ และจำกัดการบริการใกล้ชิด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอก 2
รองอธิบดีกรมอนามัย ยังขอให้ประชาชน คำนึงถึงสุขภาพอนามัยของตนเองและคนใกล้ชิดในครอบครัวเป็นสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่ออกนอกบ้าน เป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงที่อาจนำเชื้อเข้ามาให้คนในครอบครัว จำเป็นต้องคุมเข้มในมาตรการเพื่อลดโอกาสการนำเชื้อจากนอกบ้านมาติดสมาชิกในครอบครัว โดยเว้นระยะห่างระหว่างกัน 1 - 2 เมตร สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงการรับประทานอาหารจากสำรับเดียวกัน วางแผนการเดินทางเมื่อต้องโดยสารรถสาธารณะเพื่อเลี่ยงความแออัดในช่วงเวลาเร่งด่วน หากไปในสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น ผู้คนแออัด ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อและโรคโควิด-19 จะกลับมาระบาดซ้ำได้ และหากพบว่าป่วย มีไข้ ไอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อย ปวดเมื่อยตามตัว ให้ไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติที่ผ่านมา และหยุดอยู่บ้าน