หลังมีการเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่องการต่ออายุพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่ากลุ่มตัวอย่างยังอยากให้ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร้อยละ 88 และไม่เห็นด้วยร้อยละ 12 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ผลสำรวจเป็นของสำนักข่าวแห่งหนึ่งที่จัดทำขึ้นมาเอง รัฐบาลไม่ได้สั่งให้ทำแบบสำรวจซึ่งเรื่องนี้ต้องคำนึงถึงมาตรการด้านสาธารณสุขเป็นหลัก แม้ผู้ติดเชื้อจะเป็นศูนย์ แต่ก็นิ่งนอนใจไม่ได้ เมื่อสถานการณ์เป็นที่ยอมรับก็จะนำไปสู่การปลดล็อก
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ในวัน 15 พฤษภาคม คณะกรรมการ ศบค.จะลงตรวจพื้นที่ที่จะผ่อนปรนในระยะที่ 2 เพื่อนำมาปรับใช้ให้เท่าเทียมกัน พร้อมย้ำว่า ‘อะไรที่เปิดได้ก็ปิดได้’ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการ ดังนั้น ต้องร่วมมือกันและพร้อมรับฟังความคิดเห็น ขออย่าเคลื่อนไหวทำให้คนสับสน เพราะขณะนี้ต้องการความรัก ความสามัคคีจากคนไทยทุกคน ไม่ต้องการทำให้เป็นประเด็นการเมือง เมื่อประชาชนเดือนร้อนก็พร้อมช่วย
นายกรัฐมนตรี ขอบคุณสำนักงานประกันสังคม ที่ช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตนที่ว่างงาน ยืนยันว่า การจะทำอะไรรัฐบาลต้องดูข้อกฎหมาย เพราะไม่สามารถทำอะไรนอกกฎหมายได้ วันนี้ต้องรอดด้วยความรัก ความสามัคคี และการแบ่งปันกัน คือ วิถีชีวิตใหม่
นอกจากนี้ ขอชื่นชมภาคเอกชน เรื่องการจัดตู้แบ่งปัน ดังนั้นผู้รับของต้องสร้างจิตสำนึก แต่รับไม่ได้กับภาพที่คนแย่งของภายในตู้ ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนต้องห้ามปรามและแบ่งปันหากทำได้ ก็มีคนพร้อมช่วยเหลือต่อ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสบายใจ