ข่าวดี!ไทยผลิตชุด PPE ได้แล้ว อภ.เร่งจัดส่งรพ.ทุกแห่ง 13ผู้ผลิตแจ้ง นานาชาติสั่งผลิตด้วย

          ปัญหาการขาดแคลน ชุดป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โรคโควิด – 19  หรือ ชุด PPE ที่มีไว้ให้บุคลากรทางการแพทย์ใส่เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วย ล่าสุด นับเป็นข่าวดี เมื่อนพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม ระบุว่า ขณะนี้ไทยสามารถผลิตชุดป้องกันการติดเชื้อได้แล้ว จุดเด่นของชุดนี้คือสามารถนำมาซักแล้วใส่ซ้ำได้ถึง 20 ครั้ง แถมราคาอยู่ที่ 500 บาทต่อตัวเท่านั้น ขณะนี้ ได้ผลิตออกมาล็อตแรก 44,000 ตัว โดยองค์การเภสัชกรรมในฐานะผู้รับผิดชอบได้ทยอยส่งมอบชุดบางส่วนให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ไปแล้วเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (7 พ.ค.) จากนั้น ในวันที่ 15, 22 และ 31 พฤษภาคมนี้จะทยอยส่งมอบชุดที่เหลือจนครบ สำหรับการผลิตชุด PPE เป็นความร่วมมือของหลายภาคส่วน โดยตอนนี้มีบริษัทเอกชน 13 บริษัทที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงให้ผลิตชุดนี้ได้

          นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเสริมถึงลักษณะชุดป้องกันการติดเชื้อนี้ว่า เป็นแบบเสื้อคลุมยาวกันน้ำ คาดว่าจะช่วยประหยัดการนำเข้าชุดจากต่างประเทศไปได้ถึง 800,000 ชุด หลังก่อนหน้าไทยไม่สามารถผลิตชุดป้องกันเชื้อได้เอง ต้องสั่งจากต่างประเทศเท่านั้น และหวังให้ 13 บริษัทที่ได้รับอนุญาตจะเร่งผลิตชุดให้มีเพียงพอต่อการใช้ด้วย ด้านตัวแทนบริษัทผู้ผลิต ระบุว่า วัสดุของชุดบางส่วนมาจากขวดน้ำใช้แล้ว และอีกบางส่วนต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งในช่วงนี้ มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามาจำนวนมาก ทั้งจากสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย และประเทศในยุโรป

          สำหรับรายชื่อ 13 บริษัทที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์คณะกรรมการอาหารและยา http://www.fda.moph.go.th/Pages/HomeP_D2.aspx

          ขณะเดียวกันวันนี้นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบคูปองส่วนลดสินค้าอาหารจำนวน 1,500,000 ฉบับ จากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งมอบให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ที่ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงโรคโควิด-19 ด้วย โดยคูปองทั้งหมดจะเริ่มทยอยให้ อสม.ตั้งแต่วันนี้และสามารถใช้ซื้อสินค้าที่ร้านซีพี เฟรชมาร์ททุกสาขาทั่วประเทศได้ทันที โดยปัจจุบัน อสม. ลงพื้นที่ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรคโควิด-19 ไปแล้วกว่า 13,000,000 หลังคาเรือน และติดตามกลุ่มเสี่ยงได้แล้ว 900,000 คน เพื่อนำตัวทั้งหมดเข้ารักษา ซึ่งมีส่วนทำให้ไทยสามารถคุมโรคได้