การเพิ่มมาตรการเชิงรุก ตรวจหาผู้เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุข จะเร่งตรวจกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ที่อยู่ในสถานที่เสี่ยงให้มากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับการผ่อนคลายมาตรการ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีอาการ ตั้งเป้าว่าภายในเดือนมิถุนายนจะต้องตรวจให้ได้อย่างน้อย 400,000 คน และต้องตรวจกลุ่มเสี่ยงให้ได้ทุกจังหวัด ปัจจุบันตรวจไปแล้ว 230,000 คน เท่ากับว่าในสองเดือนที่เหลือต้องตรวจอีก 170,000 คน จึงกำหนดว่าต้องตรวจให้ได้เดือนละ 85,000 คน หรือคิดเป็นสัดส่วน 6,000 คนต่อจำนวนประชากรล้านคน ซึ่งจะทำให้ค่าเฉลี่ยการตรวจหาเชื้อต่อจำนวนประชากรในประเทศของไทยทำได้มากกว่าหลายประเทศ
อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่า การตรวจหาเชื้อในไทยไม่ได้น้อยอย่างที่หลายฝ่ายคิด แต่การตรวจกลุ่มเสี่ยงได้มาก ไม่ได้หมายความว่า จะสามารถคุมการระบาดได้ เพราะมีตัวอย่างจากหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แม้ตรวจได้มากแต่ไม่อาจคุมการระบาดได้ จึงย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่กระทรวงตั้งเป้าว่าจะตรวจเพิ่มในสองเดือนนี้ เช่น พนักงานรถโดยสารสาธารณะ, บุคลากรทางการแพทย์ และนักโทษแรกรับ รวมทั้งจะสุ่มตรวจสถานที่เสี่ยงต่าง ๆ เช่น สถานีรถไฟฟ้า และชุมชนแออัด ควบคู่ไปด้วย
อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุด้วยว่า ตอนนี้กระทรวงได้เร่งจัดทำคู่มือการปฏิบัติตัวในการป้องกันการติดเชื้อให้กับเฉพาะบางกลุ่มแล้ว เช่น ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ พร้อมย้ำว่าโรคโควิด-19 จะอยู่อีกอย่างน้อย 1-2 ปี ดังนั้นประชาชนห้ามเลิกมาตรการที่กระทรวงแนะนำให้ทำอย่างเด็ดขาด และยอมรับว่าเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์จ.นราธิวาส 62 คน ถูกกักตัวสังเกตอาการจริง หลังทั้งหมดได้สัมผัสกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล