*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา07.30น.*

11 ธันวาคม 2557, 07:45น.


+++ชัดเจนแล้วเรื่องค่าจ้าง นายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดค่าจ้างมีมติยืนยัน ให้คงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท ทั่วประเทศไปจนถึงปลายปี 2558 ตามมติเดิมเนื่องจากได้วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ แล้วพบว่า ขณะนี้ค่าครองชีพไม่มีการปรับขึ้น ราคาน้ำมันลดลง อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ส่วนข้อเสนอของเครือข่ายแรงงานที่เรียกร้องให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 321 บาท  ยังไม่มีการยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการมายังบอร์ดค่าจ้าง แต่ก็มีการนำมาพิจารณาร่วมด้วย 



+++ด้านนายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า  อยากให้มองถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปีหน้าที่ไม่มีความแน่นอน ทั้งนี้การที่บอกว่าค่าครองชีพไม่ได้ปรับขึ้นโดยนำราคาน้ำมันที่ปรับลดเป็นตัวตั้งอย่างเดียวไม่ได้ เนื่องจากยังมีส่วนอื่น ๆ เช่น ราคาแก๊ส ราคาแท็กซี่ที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งราคาค่าขนส่งสาธารณะต่าง ๆ อยากฝากว่าค่าบริการขนส่งต่าง ๆ และน้ำมัน ควรจะมีการพิจารณาปรับลดลง ซึ่งเพื่อจะช่วยให้ค่าครองชีพไม่สูงภาคเอกชนก็จะอยู่ได้ และปีหน้า คสรท. จะสำรวจค่าครองชีพลูกจ้างภาคเอกชนเพื่อนำข้อเท็จจริงเสนอต่อ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน เพื่อพูดคุยถึงสถาน การณ์ทางเศรษฐกิจต่อไป



+++ขณะที่นายสุพันธุ์ มงคลสุธี  ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่คณะกรรมการค่าจ้าง คงมติค่าแรงงาน 300 บาทต่อไปจนถึงสิ้นปี 2558 เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวหากมีการปรับค่าแรงงานขึ้นมากกว่า 300 บาทจะส่งผล กระทบอย่างรุนแรงกับผู้ประกอบการภาค ต่าง ๆ ทันที เพราะเมื่อรัฐบาลได้ประกาศปรับขึ้นราคา 300 บาท ตั้งแต่ปี 2555-2556 ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น สิ่งทอ ส่งผลให้ต้องย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนปี2558 หากรัฐบาลจะพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงสูงกว่า 300 บาท อยากให้ ภาครัฐหารือกับผู้ประกอบการถึงความพร้อม อีกครั้งหนึ่ง เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อความสามารถแข่งขันทางการค้ากับประเทศ คู่แข่ง



+++เรื่องการทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน กรณีศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ชดใช้ค่าเสียหายแก่กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี (NVPSKG) คู่สัญญารัฐ ในฐานะผู้ก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน กรณีสั่งยกเลิกโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จ.สมุทรปราการ หรือระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน เป็นเงิน 9,618 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2557 โดยให้ชำระเงินภายใน 90 วัน ทั้งนี้จะมีดอกเบี้ยเกิดขึ้นวันละ 2 ล้านบาท นับจากวันที่ศาลตัดสิน  นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดี คพ. เปิดเผยว่า กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี เร่งให้ คพ.รีบไปชำระหนี้ตามคำสั่งศาลให้เร็วที่สุด โดยระบุด้วยว่า หาก คพ.ชำระเงินจำนวน 9,618 ล้านบาท ภายใน 30 วันนับจากวันที่ศาลตัดสิน บริษัทจะไม่คิดในส่วนของดอกเบี้ย แต่ปัญหาก็คือ เวลานี้ คพ.ยังต้องรอคำตอบจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องตัวเลขค่าใช้จ่ายที่มีทั้งส่วนที่เป็นเงินสกุลไทยและดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเมื่อได้มาแล้ว คพ.ก็จะต้องส่งไปให้สำนักบังคับคดียืนยันว่าเป็นตัวเลขนี้ใช่หรือไม่ หลังจากนั้นจะส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเพื่อหาที่มาของเงินที่จะมาจ่าย คาดว่าภายในวันที่ 16 ธ.ค. น่าจะนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี( ครม.)ได้อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย แต่คพ.ก็เจรจาต่อรองลดหนี้ คาดว่าภายในวันที่ 11 หรือ 12 ธ.ค. หรือไม่เกินวันที่ 15 ธ.ค.ผู้แทนกลุ่มกิจการร่วมค้าจะเป็นผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจสำหรับการยื่นข้อเสนอของ คพ.จะเข้ามาที่ คพ.เพื่อรับฟังคำเจรจาต่อรอง



 +++การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีวาระส่วนใหญ่เป็นการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ที่คณะรัฐมนตรีเสนอมาใหม่ เช่น ร่างพ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย เลื่อนมาจากการประชุมสนช.เมื่อวันที่ 27 พ.ย. โดยมีเหตุผลสำคัญคือ องค์กรกลางขึ้นมารับผิดชอบดูแลการบริหารจัดการเกี่ยวกับยางพาราของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจร ซึ่งร่างพ.ร.บฉบับนี้มีเนื้อหาหลักคือ การยกเลิกพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งกองทุนและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาง เช่น กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง พ.ศ..2503 การจัดตั้งองค์การสวนยาง (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ... 2535 เป็นต้น ให้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนายางพารา และตั้งองค์กรที่เรียกว่า การยางแห่งประเทศไทย มีฐานะเป็นนิติบุคคล ทำหน้าที่บริหารจัดการยางพาราของประเทศทั้งระบบ ส่งเสริมวิจัยพัฒนายาง จัดหารายได้ ดำเนินการให้ราคายางมีเสถียรภาพ และมีคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย



+++นพ.พลเดช ปิ่นประทีป รองประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน สภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.) กล่าวว่า จะมี เรื่องตั้งสมัชชาคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ให้เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ มีอำนาจหน้าที่พิจารณาแก้ปัญหาคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลในสังคม โดยเฉพาะของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง จะออก พ.ร.บ.คุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลแห่งชาติ มาใช้ควบคุม ความประพฤติของนักการเมือง มีบทลงโทษ นักการเมือง ถ้ากระทำผิดทางจริยธรรม จะต้องหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไร รวมถึงการตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคมไม่แสวงหาผลกำไร รายได้ทั้งหมดเมื่อหักค่าใช้จ่ายนำไปทำประโยชน์คืนให้สังคมทั้งหมด ต้องออกกฎหมายมารองรับ ให้มีสถานะเป็นนิติบุคคล ทำการค้าได้ ผลประโยชน์เอกชนจะได้รับคือความภาคภูมิใจ ความสุขใจที่ได้ตอบแทนคืนสู่สังคม เป็นเรื่องใหม่ในสังคมไทย ขณะนี้มีภาคธุรกิจจำนวนมากตื่นตัว พร้อมร่วมเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยไม่หวังผลกำไร



+++ส่วนกรอบการอภิปรายของสปช. นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญกิจการ สปช. กล่าวว่า ในวันที่ 15-17 ธ.ค. จะให้ประธาน กมธ.ปฏิรูปทั้ง 18 คณะ นำเสนอคณะละ 30 นาที จากนั้นให้สมาชิก สปช. อภิปรายและแสดงความเห็น สมาชิก สปช. 1 คน อภิปรายไม่เกินคนละ 2 คณะ ส่วนผู้อภิปรายจะได้เวลาอภิปรายคนละกี่นาที จะสรุปอีกครั้งภายในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เพราะต้องพิจารณาจำนวนผู้ประสงค์จะอภิปรายแต่ละประเด็นและเวลาที่จะจัดสรรให้ กมธ.ปฏิรูปแต่ละคณะด้วย สำหรับระยะเวลาอภิปรายได้วางกรอบคือเริ่มประชุมเวลา 09.30-19.30 น. รวม 29 ชั่วโมง



+++นายอลงกรณ์ คาดว่าจะมี กมธ.ปฏิรูป 5 คณะ ได้แก่ กมธ.ปฏิรูปพลังงาน กมธ.ปฏิรูปการเมือง กมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กมธ.ปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น และ กมธ.ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน มีเนื้อหาจำนวนมาก คาดว่าจะมีผู้แสดงความจำนงอภิปรายและแสดงความเห็นจำนวนมากเช่นกัน ทั้ง 5 คณะดังกล่าวอาจได้รับจัดสรรเวลาอภิปรายมากกว่าคณะอื่น จะนำเข้าสู่ที่ประชุม กมธ.วิสามัญกิจการ สปช. ในวันที่ 12 ธันวาคม เพื่อให้ กมธ.และประธาน กมธ.ปฏิรูปทั้ง 18 คณะพิจารณาอีกครั้ง หากเห็นชอบจะประกาศให้ผู้ประสงค์อภิปรายลงชื่อ เพื่อแสดงเจตจำนงต่อกรรมการที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง



+++วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนสาธารณรัฐเกาหลีสมัยพิเศษ 2014 โดยจะประชุมภาคธุรกิจพร้อมทั้งแสดงบทบาทของไทยในการผลักดันการพัฒนาด้านต่างๆ ด้วยนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจของไทย การลดอุปสรรคทางการค้า การส่งเสริมความเชื่อมโยงรวมทั้งการพัฒนาเขตเศรษฐกิจตามแนวชายแดน เศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจสีเขียว



+++ช่วงสายนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะรับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มาดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สิน ที่ ร.1 พัน 2 รอ. แจ้งวัฒนะ ทั้งนี้ ปปง.มีอำนาจอายัดทรัพย์ไว้ตรวจสอบได้ภายใน 90 วัน พ.ต.อ. สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า วันนี้ ปปง. จะลงประกาศให้ผู้ที่มีชื่อครอบครองโฉนดที่ดิน 104 รายการ ตามที่คณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีมติอายัดไว้ นำหลักฐานเข้าชี้แจงถึงที่มาภายใน 30 วัน นอกเหนือจากการแจ้งหนังสือไปยัง ผู้มีชื่อในกรรมสิทธิ์ทั้งหมดเพื่อความโปร่งใส ซึ่ง ปปง. ติดตามเส้นทางการเงินตามความผิดมูลฐานที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา กับผู้ต้องหา



+++วันนี้พนักงานสอบสวนจะนำตัวนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2238/2557 ลงวันที่ 10 ธ.ค. 2557 ในข้อหา ม.112 ฝากขังที่ศาลอาญา รัชดา พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล  ผบช.น. กล่าวว่า การจับกุมนางสุดาทิพย์ เนื่องจากแอบอ้างสถาบันผิด  ม. 112 มีผู้ไปร้องเรียนที่สน.สามเสนว่า มีการแอบอ้างสถาบันเพื่อประมูลทำธุรกิจในวังการขายน้ำพริกประเภท ต่าง ๆ และผักต้มหรือเครื่องเสวยทำราย ได้ 3-4 แสนบาทต่อเดือน ครัวข้าราชบริพาร มีรายได้ 6-8 แสนบาทต่อเดือน และธุรกิจคาเฟ่ เดอ สุวรรณภูมิ มีรายได้  2-3 ล้านบาทต่อเดือน



+++ความคืบหน้าการทำสำนวนคดีที่นางพรชนก ไชยะปะ และนายสมชาย แก้วบางยาง ผู้ต้องหาก่อเหตุฆาตกรรมนายโยชิโนริ ชิมาโตะ ครูสอนภาษา อายุ 79 ปี สัญชาติญี่ปุ่น  วันนี้  พนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง จะนำสำนวนคดี ที่สองสามีภรรยาไปยื่นต่ออัยการที่ศาลอาญารัชดาฯ ใน 4 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันฆ่า ผู้อื่นโดยตรึกตรองไว้ก่อน ปิดบัง ซ่อนเร้นอำพรางศพ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยว ทั้งนี้ในส่วนการควบคุมตัวนางพรชนกและนายสมชาย จะฝากขังครบผลัดที่ 4 ในวันนี้



+++บ่ายนี้ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงเผายาเสพติด ส่งท้ายปี ในวันที่ 18ธ.ค.นี้ หลังแถลงเปิดคลังเก็บยาเสพติดของกลางด้วย



+++พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะ ไปตรวจสอบเพื่อเร่งแก้ไขปรับปรุงระบบการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย(191) ให้รวดเร็วในการบริการประชาชน พร้อมสาธิตขั้นตอนการปฏิบัติ ณ อาคาร บก.จร.(บก.02)



 

ข่าวทั้งหมด

X