ทันสถานการณ์โลก 06.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม 2563

07 พฤษภาคม 2563, 06:08น.


ชาวอินเดีย ตกงาน 122 ล้านคน มากกว่าสหรัฐฯถึง 4 เท่า



          ผลกระทบจากมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโควิด-19 ในอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ทำให้แรงงานรายวันตกงานทันทีและยังมีพนักงานประจำที่ถูกเลิกจ้าง ในภาพรวมมากถึง 122 ล้านคน ในเดือนเมษายน ยกเว้นงานบริการที่จำเป็น เช่น โรงพยาบาล ร้านขายยา และการขนส่งอาหาร ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ เช่น สื่อ การบิน ค้าปลีก งานบริการต้อนรับ และการผลิตรถยนต์ ประกาศปลดพนักงานจำนวนมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ศูนย์ติดตามเศรษฐกิจอินเดีย (CMIE) รายงานว่าเป็นอัตราการว่างงานที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 27.1 และเป็นตัวเลขการว่างงานที่สูงกว่าสหรัฐฯ ถึง 4 เท่า



          ผู้เชี่ยวชาญ คาดการณ์ว่า ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวนมากยังมีแนวโน้มที่จะทยอยยุติการค้าขาย จึงมีคำแนะนำให้รัฐบาลทบทวนการผ่อนคลายมาตรการเพื่อลดความเสียหายทางเศรษฐกิจและแรงงาน อย่างไรก็ตาม ทางการอินเดีย เริ่มผ่อนคลายมาตรการแล้วในบางพื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อหรือพบผู้ติดเชื้อจำนวนน้อย ยกเว้นในกรุงนิวเดลี และเมืองใหญ่หลายแห่งที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก สถาบันจอห์น ฮอปกิ้น รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเมื่อเวลา 05.50 น. อยู่ที่ 52,987 คน เสียชีวิต 1,785 ราย



ศก.ออสเตรเลีย ใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยในรอบ 30 ปี



          นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย คาดว่า เศรษฐกิจของออสเตรเลียจะดีขึ้นจากโรคโควิด-19 และกลับมาเดินหน้าได้ภายในเดือนกรกฎาคม เพราะรัฐบาลจะหาทางช่วยให้คนว่างงาน 1 ล้านคนกลับมาทำงานอีกครั้ง เศรษฐกิจออสเตรเลีย ใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี อัตราว่างงานปีนี้มีแนวโน้มแตะร้อยละ 10 ธนาคารกลางออสเตรเลีย คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) จะลดลงร้อยละ 6 เทียบเท่ากับเศรษฐกิจสูญเสียสัปดาห์ละ 4,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ ราว 83,513 ล้านบาท



          สื่อออสเตรเลีย รายงานว่า รัฐบาลเตรียมเปิดเมืองเป็นสามระยะ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้าปลีก น่าจะอยู่ในกลุ่มแรกที่ได้เปิดก่อน และใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด ส่วนผับ สถานที่ที่ยากที่สุดในการรักษาระยะห่างทางสังคมน่าจะอยู่ในกลุ่มที่เปิดได้หลังสุด คาดว่า รัฐบาลจะประกาศในวันศุกร์นี้ เรื่องคลายมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม และยกเลิกการจำกัดธุรกิจส่วนใหญ่ภายในเดือนกรกฎาคม ออสเตรเลียมีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมไม่ถึง 7,000 คน ล่าสุด อยู่ที่  6,875 คน เหลือรักษาตัวอยู่ไม่เกิน 1,000 คน มีผู้เสียชีวิต 97 ราย



สเปน ขยายภาวะฉุกเฉินต่ออีก 2 สัปดาห์ ศก.ไตรมาสแรกร่วงลง 5.2%



          นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ แห่งสเปน ได้รับเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาด้วยคะแนน 178 ต่อ 75 เสียง ขณะที่อีก 97 คนงดออกเสียง เห็นชอบขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่ออีก 2 สัปดาห์ มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดช่วยสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างเห็นผล เนื่องจาก ผู้เสียชีวิตทยอยลดลง แต่ต้องแลกมาด้วยความเสียหายทางเศรษฐกิจและประชาชนตกงานจำนวนมาก

          สเปน มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 220,325 คน เสียชีวิต 25,857 ราย เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ชะลอตัวลดลงมากเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 5.2 รัฐบาล คาดว่า ไตรมาสสองจะยิ่งเลวร้ายลงอีก เพราะภาคการท่องเที่ยวที่เป็นหัวใจของประเทศลดลงถึงร้อยละ 9.2



นายกฯจอห์นสัน เตรียมเปิดแผนปลดล็อก 10 พ.ค.   



          การเตรียมผ่อนคลายล็อกดาวน์ในสหราชอาณาจักร แม้ว่าเป็นประเทศที่ 2 ของโลกที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เกินกว่า 30,000 ราย อยู่ที่ 30,150 ราย มีผู้ติดเชื้อ 202,356 คน  นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่า ในวันอาทิตย์นี้ 10 พฤษภาคม จะกำหนดรายละเอียดต่างๆของแผนผ่อนปรนล็อกดาวน์ และหวังว่าจะบังคับใช้ในวันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม ทันที นายจอห์นสัน ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาในช่วงกระทู้ถามสดจากพรรคฝ่ายค้านถึงแนวทางการคลายล็อกดาวน์ ในช่วงที่เรียกว่า Prime Minister‘s Questions (PMQs) หรือกระทู้ถามนายกฯ เป็นการตอบกระทู้ถามจากฝ่ายค้านเป็นครั้งแรกหลังจากที่หายป่วยจากโรคโควิด-19 และออกจากโรงพยาบาล  



โควิด-19 พ่นพิษ “ทรัมป์” ยอมรับหนักที่สุด เดินหน้ารีสตาร์ทเศรษฐกิจ



          ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยอมรับว่าโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯรุนแรงกว่าเหตุโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และโศกนาฏกรรม9/11 โดยระบุว่า เป็นการโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศ ยุทธการเพิร์ลฮาร์เบอร์ เมื่อปี 1941 เป็นการโจมตีทางทหารของกองกำลังพิเศษทางอากาศแห่งกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นต่อฐานทัพเรือสหรัฐฯที่ท่าเพิร์ล ฮาวาย ขณะที่ เหตุโจมตีก่อการร้าย 11 กันยายน 2001 ทำให้มีชาวอเมริกันเสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนใหญ่อยู่ในตึกเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ ในนิวยอร์ก มีชนวนเหตุมาจากสงครามต่างๆของสหรัฐฯและปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายในอิรัก อัฟกานิสถาน และประเทศอื่นๆ แต่สถานการณ์โควิด-19 ทำให้สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อ1,223,419 คน เสียชีวิต 72,812 ราย และทำให้เศรษฐกิจเสียหายอย่างรุนแรง ทำให้ผู้นำสหรัฐฯ เดินหน้ารีสตาร์ทเศรษฐกิจ  

 



ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสิงคโปร์ เกิน 20,000 คน สูงสุดในอาเซียน



          กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ รายงานว่า พบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในช่วง 24 ชั่วโมง เพิ่มอีก 788 คน ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 20,198 คน สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียชีวิต 20 ราย ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ของสิงคโปร์เป็นแรงงานต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหอพัก คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด



          รัฐบาลสิงคโปร์ ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน จนถึงวันที่ 1 มิถุนายน เตรียมอนุญาตให้บางธุรกิจกลับมาเปิดทำการได้ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคมนี้ ขณะที่ รัฐบาลเตรียมแจกหน้ากากอนามัยครั้งที่ 3 ให้ทุกครอบครัวเป็นครั้งที่สาม ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และแจกครั้งที่สองเมื่อเดือนเมษายน



ฟิลิปปินส์ ยอมรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ยกระดับตรวจเชิงรุก



          ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีผู้ป่วยสะสมจากโรคโควิด-19 มากกว่า 10,000 คน ตัวเลขเมื่อเวลา 06.05 น. อยู่ที่ 10,004 คน เสียชีวิต 658 ราย นายฟรานซิสโก ดูเก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า มีแนวโน้มว่าในแต่ละวันจะพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก รัฐบาลยกระดับการตรวจให้เป็นเชิงรุกมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นเดือนนี้จะต้องตรวจตัวอย่างให้ได้ 28,000 ถึง 30,000 ตัวอย่าง ทำให้ทางการสำรองชุดป้องกันส่วนบุคคล (พีพีอี ) สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไว้แล้ว ประมาณ 12 -15 ล้านชุด สามารถใช้งานได้อีกประมาณ 3 เดือน



CR:CNN,BBC

ข่าวทั้งหมด

X