หลังจากประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก)ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์ของกลุ่ม ทำให้สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ปิดตลาดลดลง 2.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขยับลงจากเมื่อ 6 เดือนก่อนแล้วกว่าร้อยละ 40 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน ลดลง 2.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สถานการณ์ราคาน้ำมันร่วงลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 5 ปีครั้งใหม่ ปัจจัยดังกล่าวฉุดให้หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนัก และกระตุ้นให้เกิดแรงเทขายทั่วทั้งกระดาน ทำให้วอลล์สตรีทเมื่อวันพุธ ร่วงลงหนักกว่าร้อยละ 1.5 ดาวโจนส์ ลดลง 268.05 จุด ปิดที่ 17,533.15 จุด ปรับลดหนักสุดในรอบ 2 เดือน เอสแอนด์พี ลดลง 33.68 จุด ปิดที่ 2,026.14 จุด แนสแดค ลดลง 82.44 จุด ปิดที่ 4,684.03 จุด
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีพลังงานแอลจีเรีย กล่าวว่า กลุ่มโอเปก อาจจัดการประชุมฉุกเฉินก่อนเดือนมิ.ย. ปีหน้า เพื่อหารือการรับมือการจัดหาน้ำมันในโลกที่มีปริมาณเกินความต้องการ และฉุดให้ราคาน้ำมันลดลง นายยูเซฟ ยูซิฟ รัฐมนตรีพลังงานแอลจีเรีย กล่าวว่า จะหารือกับกลุ่มโอเปก และประเทศ ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ยืนยันว่าราคาน้ำมันร่วงลง เพราะการบริโภคอยู่ในระดับต่ำส่วนการจัดหามีอยู่ในปริมาณสูง โดยเฉพาะจากประเทศผู้ผลิตที่ไม่ได้เป็นสมาชิกโอเปก ราคาน้ำมันที่ร่วงลงสร้างปัญหา แก่สมาชิกโอเปกบางประเทศอย่างแอลจีเรียกับเวเนซุเอลา ที่พึ่งพารายได้จากพลังงาน โดยงบประมาณปัจจุบันของแอลจีเรียคำนวณจากราคาน้ำมันโลกที่ระดับบาร์เรลละ 90 ดอลลาร์ ขณะที่กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ คาดว่าการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯปีหน้าจะเพิ่มขึ้นวันละ 720,000 บาร์เรล เป็นประมาณวันละ 9.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้วกระทรวงคาดว่า การผลิตจะเพิ่มขึ้นวันละ 850,000 บาร์เรลในปีหน้า สำหรับความต้องการน้ำมันในโลกในปีหน้านั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นวันละ 880,000 บาร์เรล จากก่อนหน้านี้ที่เคยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.12 ล้านบาร์เรล พร้อมกับคาดว่าการผลิตน้ำมันดิบของโอเปกลดลงวันละ 100,000 บาร์เรลในปีนี้ และ 200,000 บาร์เรลในปีหน้า