ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2563

06 พฤษภาคม 2563, 09:03น.


สถาบันบำราศฯ ปิดวอร์ด- ทำความสะอาด เตรียมพร้อมรับมือตลอด



          นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผย ผลการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ว่า ทีมสถาบันบำราศนราดูร ทำงานป้องกันและรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.จนถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยหลากหลายอายุน้อยสุดคือ 47 วัน มากที่สุดอายุ 83 ปี ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เกือบ 3,000 คน รักษาที่สถาบันบำราศนราดูร 214 คน เสียชีวิต 4 ราย โดยมีหลายๆ อย่างเกิดขึ้นครั้งแรกที่นี่ มีการประยุกต์เกี่ยวกับการรักษา และรวบรวมประสบการณ์เพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคโควิด-19 ของไทยต่อไป



          นพ.อภิชาติ วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า 4 เดือนในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 มีผู้ป่วยเข้าข่ายสอบสวนโรค (PUI) จำนวน 5,062 คน ปัจจุบันเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ที่ดูแลรักษา 1 คน เดิมเป็นคนที่มีอาการรุนแรงต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่ปัจจุบันอาการดีขึ้นแล้ว  ศักยภาพของสถาบันบำราศนราดูร รับคนไข้ได้ประมาณวันละ 300 คน แต่ในช่วงที่มีการระบาดมีคนไข้ PUI เข้ามามากถึงวันละ 700-800 คน ทำให้ต้องรอนาน ตามการคาดการณ์เราจะอยู่กับโรคนี้ไปอีกระยะ การระบาดระลอกสองเราไม่อยากเห็นภาพคนไข้ล้นอีก ทั้งนี้ ผู้ป่วย 1 คน ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ไม่ต่ำกว่า 2 คน วันนี้เมื่อคนไข้น้อยจึงได้มีการปิดวอร์ดคนไข้จาก 7 วอร์ด เหลือ 1 วอร์ด ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ และปรับบุคลากรให้ได้พักผ่อน แต่ก็เตรียมความพร้อมตัวเองอยู่ตลอดเวลาในการรับมือโควิด-19 และไม่มีบุคลากรทางการแพทย์ของเราติดเชื้อ



          นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร  ฝ่ายควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล กล่าวว่า การใช้ยารักษาพบว่า 1 ใน 3 ไม่จำเป็นต้องใช้ยา แต่รักษาตามอาการ และ 2 ใน 3 ได้รับยาต้านไวรัส ที่ใช้มี 3 กลุ่มได้แก่ ยาต้านไวรัสเอชไอวี ยารักษามาลาเรีย และรูมาตอยด์ และยาฟาวิพิราเวียร์ สถาบันบำราศนราดูร เป็นหน่วยงานที่รับส่งต่อผู้ป่วยอาการหนัก ทำให้อัตราผู้ป่วยร้อยละ 6 สูงกว่าอัตราเฉลี่ยทั้งประเทศซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 3 ในคนปกติที่ป่วยโควิด-19 จะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็ดีขึ้น แต่ในจำนวนผู้ป่วยหนักเป็นกลุ่มเสี่ยงจากอายุที่มาก 60 ปีขึ้นไป และคนที่มีภาวะเสี่ยง เช่น ตับแข็งจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถุงลมโป่งพองจากการสูบบุหรี่ โรคหัวใจ เป็นต้น ทำให้โรครุนแรงขึ้นและต้องรักษาตัวนาน ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง



เจ้าหน้าที่กกต. 3 คน หายจากโควิด-19 แล้ว 



           หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ระบุว่า เจ้าหน้าที่ กกต. ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 คน อาการล่าสุดปลอดภัยแล้ว หลังเข้ารับการรักษาตัว  แต่ทั้ง 3 คนยังต้องกักตัวอีก 14 วัน กระจายกันอยู่ที่โรงพยาบาล โรงแรม และที่บ้าน  ถือว่าเป็นข่าวดีของสำนักงาน กกต. ซึ่งมีการรายงานผลมาที่ผู้บริหารของสำนักงานเป็นระยะ แม้ว่าผู้ติดเชื้อมีอาการดีขึ้น และไม่มีผู้ติดเชื้อใหม่ แต่สำนักงาน กกต.จะยังคงมาตรการเข้ม ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) และกระทรวงสาธารณสุข กำหนดต่อไปจนถึงสิ้นเดือนนี้เพื่อให้สอดคล้องกับพ.ร.ก.ฉุกเฉินของ ศบค.



กลุ่มต่างด้าวติดโควิด-19 ที่ศูนย์กักตัวด่านสะเดา อาการดีขึ้น



          การดูแลกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในศูนย์กักตัว ผู้ต้องกัก ตรวจคนเข้าเมืองสงขลา อ.สะเดา จ.สงขลา กลุ่มแรก 42 คน รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนาม 36 คน ส่วนอีก 6 คนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ 1 คน โรงพยาบาลหาดใหญ่ 5 คน ซึ่งทั้ง 42 คนอาการดีขึ้นเรื่อยๆ



          ส่วนอีกกลุ่มที่พบว่าติดเชื้อจำนวน 18 คน แพทย์ได้ให้ยาและติดตามอาการ ภาพรวมทั้ง 18 คน ไม่ได้มีไข้หรืออาการใดๆ และเมื่อทราบผลการเอกซเรย์ปอดแล้วจะมีการประเมินอาการร่วมกันระหว่างทีมแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และทีมแพทย์โรงพยาบาลสะเดาว่าจะเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อไปรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือไม่ นอกจากนี้ ทีมแพทย์ได้ตรวจสารคัดหลั่ง ตม.ที่มีความเสี่ยงทั้งหมดแล้วไม่พบว่าติดเชื้อ ส่วนที่มีการกักตัวก่อนหน้านี้เริ่มที่จะครบ 14 วัน โดยที่ไม่มีอาการติดเชื้อ



กทม.ตรวจร้านค้าที่ได้รับการผ่อนปรน



          กรุงเทพมหานคร(กทม.) ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ลงพื้นที่ตรวจสถานประกอบการต่างๆ ในพื้นที่ 50 เขต เพื่อให้สถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรน ปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด–19  จากการลงพื้นที่ พบว่า มีสถานประกอบการบางแห่ง ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด เจ้าหน้าที่จึงได้ตักเตือน ให้คำแนะนำให้ดำเนินการแก้ไข กรณีตรวจพบว่าฝ่าฝืนมาตรการดังกล่าวซ้ำ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป



สุ่มตรวจ พบ 351 ร้าน ไม่ปฏิบัติตาม ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหาร ร้านค้า ร้านตัดผม



          นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. กล่าวว่า หลังจากที่มีมาตรการผ่อนปรนกิจกรรมและกิจการบางประเภท ได้จัดชุดตรวจลงพื้นที่ไปตรวจสอบว่ากิจกรรม กิจการต่างๆ ให้ความร่วมมืออย่างไรบ้าง พบว่า เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ชุดตรวจได้ออกปฏิบัติการตรวจจำนวน 9,383 แห่ง พบว่าปฏิบัติตามมาตรการ 9,032 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 96 และไม่ปฏิบัติตาม 351 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 4 โดยส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจร้านอาหาร ร้านค้า ร้านตัดผม เป็นต้น



-ร้านอาหาร/เครื่องดื่ม ตรวจ 3,156 ร้าน ปฏิบัติตามมาตรการ 2,942 ร้าน ไม่ปฏิบัติตาม 214 ร้าน



-ห้างสรรพสินค้า ตรวจ 573 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการ 563 แห่ง ไม่ปฏิบัติตาม 10 แห่ง



-ตลาด ร้านค้าปลีกฯ ตรวจ 2,680 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการ 2,639 แห่ง ไม่ปฏิบัติตาม 41 แห่ง



-สนามกอล์ฟฯ ตรวจ 77 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการทั้ง 77 แห่ง



-สนามกีฬาตรวจ 254 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการ 242 แห่ง ไม่ปฏิบัติตาม 12 แห่ง



          อย่างไรก็ตาม ศบค.จะนำตัวเลขต่างๆ มาพูดคุยปรึกษาและจะช่วยกันอย่างไร หวังผลว่าถ้าจะให้ดีต้องร้อยละ 90 หรือร้อยละ 100 หากหลุดแม้ 1-2 คน แล้วติดเชื้อก็กลายเป็นซูเปอร์สเปรด เดอร์ จะทำให้มีผู้ติดเชื้อตามมาได้ จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด



CR:Facebook สถาบันบำราศนราดูร

ข่าวทั้งหมด

X