การตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ของประชาชน 40 คน ในจังหวัดยะลา ที่ผลตรวจ 2 รอบไม่ตรงกัน ทำให้ยังเป็นข้อสงสัยว่าทั้งหมดติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 หรือไม่
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดว่า ในวันพรุ่งนี้จะรู้ผลยืนยันจากการตรวจซ้ำรอบสาม ซึ่งขณะนี้ทีมแพทย์ เจ้าหน้าที่ กำลังนำตัวอย่างของสารคัดหลั่งของทั้ง 40 คน ส่งมาตรวจหาเชื้อรอบสาม ที่ห้องปฏิบัติการในกรุงเทพมหานคร โดยอยู่ระหว่างเดินทางน่าจะมาถึงคืนนี้ และจะใช้เวลาตรวจไม่เกิน 3 ชั่วโมง แต่ก็ย้ำว่าต้องทำอย่างรอบคอบ
สำหรับสารคัดหลั่งที่นำมาตรวจ ประกอบด้วย สารคัดหลั่งเก่าที่เคยตรวจในสองรอบก่อนหน้านี้ และสารคัดหลั่งใหม่ ผู้ใกล้ชิดทั้ง 40 คน เบื้องต้นได้กักตัวไว้ บางส่วนได้ตรวจหาเชื้อไปแล้ว หากผลยืนยันว่า ติดเชื้อต้องตรวจหาผู้ใกล้ชิดทั้งหมด พร้อมชี้แจงสาเหตุความผิดพลาดของผลตรวจว่า ปกติแล้วการตรวจหาเชื้อแต่ละครั้งจะมีการสอบทานผลตรวจจากสองทาง คือ นำสารไปผสมกับน้ำเปล่าที่ต้องไม่เจอเชื้อ และนำไปผสมกับตัวเชื้อที่ต้องเจอเชื้อเช่นกัน แต่ในกรณีนี้ผลตรวจกับน้ำเปล่ากลับพบเชื้อ ห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อที่ จ.ยะลาจึงต้องยุติการตรวจตามหลักการที่กำหนดไว้ และเจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจสอบว่าความผิดพลาดนี้มาจากอะไร ซึ่งคงมาจากอย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 อย่าง ที่ประกอบด้วย
-จากทีมผู้ตรวจ
-จากระบบ
-และจากเครื่องตรวจหาเชื้อ
สำหรับการตรวจเชื้อที่ผิดพลาดเคยเกิดขึ้นแล้ว ย้ำว่าเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นอีกได้ เพราะการตรวจเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ผลถูกต้องทุกครั้ง แต่ยืนยันว่า ห้องปฏิบัติการที่ จ.ยะลา ได้ประสิทธิภาพ และเคยตรวจกลุ่มเสี่ยงมาแล้ว 4,000 คน ซึ่งผลแม่นยำ
นพ.โอภาส ยังระบุด้วยว่า ปัจจุบันมีการตรวจหาเชื้อจากกลุ่มเสี่ยงโรคโควิด-19 ไปแล้ว 227,860 ตัวอย่าง จากห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อที่มีอยู่ 150 ห้อง โดยเฉพาะสัปดาห์ที่แล้วที่ตรวจได้ถึงวันละ 6,000 ตัวอย่าง เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นเดือนเมษายนถึง 2 เท่า
ส่วนวิธีการตรวจที่เป็นการเก็บสารคัดหลั่ง จากบริเวณจมูกและคอมาตรวจ แม้จะมีข้อด้อยอยู่บ้าง เช่น ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการตรวจ และมีต้นทุนสูง แต่ย้ำว่ายังเป็นวิธีตรวจหาเชื้อที่ดีที่สุด