ภาพรวมของมาตรการผ่อนปรนในวันแรก นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค มองว่า ทุกคนยังให้ความร่วมมือ สวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างอยู่ แต่มีบางส่วนที่ละเลย ในการไปซื้อสินค้า บางประเภทในห้างสรรพสินค้า รวมถึง สุรา พร้อมเตือนว่า การซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องซื้อตามเวลาที่กำหนดไว้ คือ เวลา 11.00-14.00 น.และ เวลา 17.00-24.00 น.เท่านั้น หากซื้อนอกเวลาถือผิดกฎหมาย และในวันพุธที่ 6 พ.ค.นี้ วันวิสาขบูชา ยังห้ามซื้อและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหมือนเดิม
สำหรับการผ่อนปรนคลายล็อกเพื่อให้เปิดสถานที่ต่างๆได้ ทำให้มีโอกาสที่ประชาชนจะกลับมาติดเชื้อได้อีก ดังนั้นยังจำเป็นต้องควบคุมการแพร่ระบาดให้มีประสิทธิภาพอยู่ และในสัปดาห์หน้า จะลงตรวจในเรือนจำ รวมถึงที่พักของแรงงานต่างด้าว เพิ่มมาตรการเชิงรุกในการคัดกรอง จึงยังไม่ควรประมาท เพราะการระบาดในระลอก 2 อาจจะกลับมาอีก สิ่งที่ทำได้คือยังต้องป้องกันโรคให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งในหลายประเทศพบว่า การระบาดในระลอกที่2 พบผู้ป่วยมากกว่าครั้งแรก ขณะนี้ไทยอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างระลอกที่1และหวังว่าจะไม่เจอระลอกที่2 และไม่เจอตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน กรมควบคุมโรค เปิดสายด่วนโควิด-19 สำหรับแรงงานต่างด้าวโทร.1422 แบ่งเป็น 3 ภาษา คือ ลาว กัมพูชา และพม่า
สำหรับในวันนี้ถือว่า เป็นข่าวดี ที่ไม่พบผู้ป่วยในกรุงเทพมหานคร ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ส่วนผู้ป่วยทั้งหมดในไทย คือ จำนวน 2,987คน รักษาที่รพ.193 คน ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด คิดเป็นมากกว่าร้อยละ 90 รักษาหายและกลับบ้านแล้ว ตัวเลขการติดเชื้อรายใหม่ ไม่แตกต่างจากเดิม และสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ แต่หากมีการเดินทางข้ามจังหวัดมากขึ้น พบปะกันมากขึ้น รวมถึงการเปิดกิจการต่างๆมากขึ้น หากไม่มีการระวัง และปฏิบัติตามมาตรการ เว้นระยะ สวมหน้ากาก อาจทำให้มีโอกาสพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า จึงย้ำให้ดำเนินการตามมาตรการต่างๆที่รัฐบาลแนะนำ ขอให้ตระหนักการสวมใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร เต็มที่ 100% เพื่อป้องกันโรค
ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม พบการแพร่ระบาดในกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดท่องเที่ยว เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทราบสถานการณ์แพร่ระบาด ก่อนที่จะกระจายไปในจังหวัดอื่นๆ และพบรายงานผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และในช่วง 28 วันมานี้ มีจังหวัดที่ไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อ เกินครึ่งของประเทศ ถือว่าอยู่ในระดับที่สบายใจว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ หากทุกส่วนร่วมมือกัน