สิงคโปร์ กักตัวแรงงานต่างชาติมากกว่า 300,000 คน พร้อมทั้งใช้มาตรการให้พนักงานทำงานที่บ้าน

          รัฐบาลสิงคโปร์ พบว่า จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด-19 ส่วนมากมาจากแรงงานต่างชาติที่พักอยู่ในพื้นที่แออัด จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเวลา 09.48 น. อยู่ที่ 18,205 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างชาติที่อาศัยอยู่ในหอพักคนงานที่แออัด และมีผู้เสียชีวิต 18 ราย มีการสุ่มตรวจและกักกันแรงงานต่างชาติมากกว่า 300,000 คน ในหอพักคนงาน เพื่อควบคุมโรคให้ได้

          ปัจจุบัน สิงคโปร์มีแรงงานต่างชาติอยู่กว่า 1.4 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากประเทศแถบอาเซียนและเอเชียใต้ โดยมักประกอบอาชีพรับจ้างใช้แรงงาน แม่บ้าน คนงานก่อสร้าง และมักรวมตัวกันเช่าหอพักอาศัย จากขนาดของห้องพักที่คับแคบและอยู่รวมกันหลายคน จึงทำให้การบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมแทบจะเป็นไปไม่ได้ นอกจากสภาพความเป็นอยู่ในช่วงโควิด-19 แล้ว แรงงานเหล่านี้ต่างวิตกกังวลถึงรายได้ที่ขาดหายไป ทำให้ไม่สามารถส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวในต่างประเทศได้เหมือนเคย

          สถานการณ์ที่ประเทศสิงคโปร์ หลังจากที่บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ มาเป็นเวลา 2 เดือน กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า รัฐบาลจะผ่อนปรนข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดเพิ่มขึ้น กิจกรรมบางอย่าง เช่น ธุรกิจที่ทำในบ้าน, การผลิตอาหาร, ร้านขายปลีกอาหารบางแห่ง, บริการซักรีด, ร้านตัดผม และร้านขายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง สามารถเปิดดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. ขณะที่ นักเรียนจะได้รับอนุญาตให้กลับไปเรียนในโรงเรียนได้ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. ส่วนมาตรการล็อกดาวน์อื่นๆ จะยังคงบังคับใช้ต่อไปจนถึงกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 1 มิ.ย.

          นายชาน ชุน ซิง รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ กล่าวว่า ธุรกิจต่างๆ เช่น ภาคการผลิต ที่ต้องการให้พนักงานทำงานที่โรงงาน ควรเริ่มเตรียมความพร้อมในการรับมือกับการเปิดภาคธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป พนักงานของสิงคโปร์ ประมาณร้อยละ 85 ทำงานจากที่บ้าน แต่จะยังคงใช้กฎเกณฑ์ด้านสุขภาพที่เข้มงวด รวมถึงการใช้แอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือติดตามตัวผู้ติดเชื้อด้วย

แฟ้มภาพ