ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ เวลา 07.30น.ประจำวันพุธที่ 29 เมษายน 2563
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนวัตกรรม “ห้องตรวจหาเชื้อ” แก่ 20 โรงพยาบาลทั่วประเทศ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ซึ่งเป็นหนึ่งใน “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน” เพื่อรับสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้โรงพยาบาลต่าง ๆ 20 แห่งทั่วประเทศ
นวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ ภายในห้องตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้ออกแบบให้มีระบบ Smart Indoor Air Quality (IAQ Smart) ที่ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย และระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air Tightness) ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ในตัวอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี โดยทีมแพทย์จะอยู่ในห้องความดันบวก ที่ไม่มีอากาศเสียจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องความดันลบ และมีระบบดูดอากาศเสียออกไปกำจัดอย่างต่อเนื่อง จึงป้องกันไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ทีมแพทย์ ซึ่งการเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่อง โดยแพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือคลุมด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเพื่อเก็บตัวอย่าง จึงลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนจากผู้ที่เข้ารับการตรวจพร้อมใช้แสงยูวีเข้มข้นสูง ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ (UV Germicide) หลังจากการใช้งานในห้องทุกครั้ง ทั้งนี้ โครงสร้างกว่าร้อยละ 80 ประกอบขึ้นรูปภายในโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพและความสะอาดตลอดกระบวนการผลิต และยังสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว
โปรดเกล้าฯ พระราชทานหุ่นยนต์ปิ่นโตและหุ่นกระจกไปช่วยบุคลากรทางการแพทย์
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานหุ่นยนต์ปิ่นโต และหุ่นกระจก ไปช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการปฏิบัติหน้าที่รักษาและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ณ โรงพยาบาลน่าน จังหวัดน่าน และ โรงพยาบาลสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และกองทัพอากาศ ได้ร่วมกันดำเนินการและนำหุ่นยนต์ทั้งสองชุดไปติดตั้งที่โรงพยาบาลทั้งสองตามพระราชประสงค์
สำหรับหุ่นยนต์ปิ่นโตและหุ่นกระจก พัฒนาโดย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทีมงานเลือกนำอุปกรณ์ที่ต้องใช้อยู่แล้วในโรงพยาบาล คือ รถเข็น ส่งอาหารผู้ป่วยมาปรับระบบการควบคุมการเคลื่อนที่ระยะไกลได้ นั่นคือที่มาของ หุ่นยนต์ “Pinto” ปิ่นโต Quarantine Delivery robot พร้อมระบบสื่อสารดูแลผู้ป่วยระยะไกลกับแพทย์และพยาบาล Quarantine Tele-presence ได้
นายกฯ หารือ แผนฟื้นฟู’การบินไทย'วันนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ในวันนี้ (29 เม.ย.) เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 มากจนต้องหาแนวทางเพื่อเพิ่มสภาพคล่องเป็นมาตรการเร่งด่วน
สำหรับรายละเอียดของแผนฟื้นฟูที่นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) การบินไทย เสนอในที่ประชุม คนร.วันนี้ จะเสนอแผนดำเนินการทั้งระยะสั้นและระยะยาว
สำหรับแผนระยะสั้นจะเป็นการแก้ปัญหาสภาพคล่องทางธุรกิจ โดยที่ผ่านมามีการเสนอกรอบวงเงินกู้เพื่อใช้เสริมสภาพคล่องวงเงินกว่า 70,000ล้านบาท ถือเป็นวงเงินที่สูงเกินความจำเป็น เพราะหากประเมินรายจ่ายในส่วนของต้นทุนที่เหลือเพียงการบริหารจัดการ เงินเดือนพนักงาน คาดว่าการบินไทยจำเป็นต้องใช้เงินประมาณ 30,000ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนแผนระยะยาวในการปรับโครงสร้างองค์กร ที่มีกระแสข่าวว่าแผนฟื้นฟูการบินไทยฉบับนี้ จะลดบทบาทของบริษัทการบินไทย และผลักดันให้บริษัทไทยสมายล์มีบทบาทเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจจะเป็นการใช้ชื่อบริษัทไทยสมายล์ ในการยื่นเรื่องทำธุรกรรมทางการเงิน เนื่องจากบริษัทการบินไทยไม่มีเครดิตมากพอที่จะกู้เงินจำนวนมาก
รายงานข่าวจากการบินไทย ยังระบุด้วยว่า จากปัญหาฐานะทางการเงิน และปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การบินไทยจึงเตรียมขยายเวลาขอหยุดบินในเส้นทางบินระหว่างประเทศไปอีก 1 เดือน จากเดิมที่มีแผนกลับมาทำการบินในวันที่ 1 มิ.ย.2563 จะขยายออกไปเป็นวันที่ 1 ก.ค.2563 ส่วนเส้นทางภายในประเทศ จะขยายออกไปอีก 4 เดือน เป็นเริ่มทำการบินในวันที่ 1 ต.ค. 2563
สำหรับเส้นทางบินระหว่างประเทศที่จะกลับมาเปิดทำการบินใหม่ในวันที่ 1 ก.ค.2563 การบินไทยมีแผนที่จะปรับลดเครือข่ายเส้นทางบินทั่วโลกใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับฐานะทางการเงินของบริษัท และปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 โดยมีการปรับลดจุดบินตามภูมิภาค ประกอบไปด้วย ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะยกเลิกทำการบินไปยัง 17 เมือง ปรับจุดบินลดลงเหลือ 31 เมือง จากเดิม 48 เมือง โดยจุดบินที่ยกเลิก เช่น บริสเบน, เพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย, โอ๊กแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์, พนมเปญ, ย่างกุ้ง, โฮจิมินห์, ฮานอย, คุณหมิง, เซี่ยเหมิน, ปีนัง, โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เป็นต้น
ส่วนภูมิภาคยุโรปจะยกเลิกทำการบินไปยัง 3 เมือง คือ มิลาน, โรม ประเทศอิตาลี และกรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย ทำให้จุดบินปรับลดลงเหลือ 10 จุดบินจากเดิม 13 จุดบิน ส่วนอีก 10 เมืองที่เหลือในภูมิภาคยุโรป การบินไทยจะยังเปิดให้บริการตามเดิม คือ ลอนดอน, แฟรงก์เฟิร์ต, ปารีส, มิวนิก, สตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน, โคเปนเฮนเกน ประเทศเดนมาร์ก, ออสโล ประเทศนอร์เวย์, บรัสเซลส์, เวียนนา ประเทศออสเตรีย และซูริก
ในส่วนของสายการบินไทยสมายล์ มีแผนขยายเวลาหยุดการทำการบินในเส้นทางระหว่างประเทศออกไปอีก 2 เดือน โดยจะเริ่มกลับมาทำการบินตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2563 จากเดิมที่มีแผนจะเริ่มทำการบินวันที่ 1 มิ.ย.2563 เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประสานงานระหว่างประเทศ
ดอนเมือง เตรียมพร้อมหลายสายการบิน กลับมาให้บริการในประเทศ
การเตรียมความพร้อมที่สายการบินจะกลับมาทำการบินเพิ่มเติมที่ท่าอากาศยานดอนเมืองในวันที่ 1 พ.ค. เรืออากาศโทสัมพันธ์ ขุทรานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองมีเพียงสายการบินนกแอร์ ที่ยังทำการบินในเส้นทางในประเทศอยู่ วันละประมาณ 10 เที่ยวบิน (ไป-กลับ) หรือ 20 ไฟลท์ มีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยต่อวันที่ 1,000 คน
แต่ในวันที่ 1 พ.ค.นี้ สายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินไทยไลอ้อนแอร์จะกลับมาทำการบิน เส้นทางในประเทศ โดยขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมของสถานที่ อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานดอนเมืองได้ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนเพิ่มเติม โดยวันที่ 1 พ.ค.นี้ จะมีเครื่องเทอร์โมสแกน จุดทางเข้า 2 ประตู คือประตูทางเข้าที่ 10 และ 14 เพื่อทำการคัดกรองผู้โดยสารที่จะเข้ามาในอาคาร จะต้องมีอุณหภูมิไม่เกิน 37.5 องศา
นอกจากนั้น ตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท.ที่มีผลบังคับใช้แล้วกำหนดให้ผู้โดยสารทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่อยู่ในอาคารผู้โดยสาร รวมถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ตั้งแต่การรอเช็คอินตั๋วโดยสาร จนถึงการรอขึ้นเครื่อง ณ ประตูทางออกของสายบินอย่างเคร่งครัด
สำหรับเที่ยวบินที่จะกลับมาทำการบินในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ สำหรับเที่ยวบินขาออกจะมีไฟลท์ตั้งแต่ 7.00 น และในส่วนของเที่ยวบินขาเข้า ช่วงเย็นก็จะมีตารางการเดินทางมาถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ไม่เกินเวลา18.00น. ดังนั้นการเดินทางทั้งเที่ยวบินขาไปและกลับจะไม่รับผลกระทบจากการเดินทางก่อนและหลัง เวลาเคอร์ฟิว 22.00 น – 04.00 แน่นอน
เมื่อรวมเที่ยวบินที่สายการบินนกแอร์จะเพิ่มเที่ยวบินเป็นวันละ 24 เที่ยวบิน สายการบินไทยแอร์เอเชีย วันละ 18 เที่ยวบิน และไทย ไลอ้อนแอร์ อีกวันละ 4 เที่ยวบิน ก็จะทำให้ภาพรวมท่าอากาศยานดอนเมืองมีเที่ยวบินรวม 46 เที่ยวบิน (ไป-กลับ) หรือ 92 ไฟลท์ มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็นวันละ 3-4 พันคน
นอกจากนี้ท่าอากาศยานดอนเมืองยังได้มีการประสาน ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการแท็กซี่ให้ทราบว่าตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ จะเริ่มมีผู้โดยสารเดินทางเพิ่มขึ้นแล้ว เพื่อให้ผู้ประกอบการหมุนเวียนเข้ามารับผู้โดยสาร รวมถึงการแจ้งผู้ค้า หรือ ร้านค้าต่างๆ ในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานทราบถึงการเพิ่มขึ้นของสายการบิน หากร้านค้าใดมีความประสงค์ที่จะกลับมาเปิดทำการค้าขายก็สามารถเริ่มดำเนินการได้เช่นเดียวกัน
กทม.เลิกด่านคัดกรอง โยก จนท.ตรวจร้าน-สถานบริการ
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร หรือศูนย์ข้อมูลโควิด-19 กทม.มีมติปรับเปลี่ยนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประจำด่านคัดกรองการเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้เป็นด่านตรวจประชาชนตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินแทน ในวันนี้จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร เพื่อผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดกิจกรรมบางประเภท ทำให้สถานประกอบกิจการบางประเภทจะสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ แต่ต้องดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อกรุงเทพมหานครกำหนด
จึงจำเป็นต้องจัดสรรกำลังเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร ประจำด่านตรวจคัดกรองฯ มาเป็นหน่วยเคลื่อนที่ ออกตรวจร้านค้าและสถานประกอบกิจการต่างๆ หากได้รับการผ่อนปรนให้เปิดได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ด่านตรวจคัดกรองฯ เดิมของกรุงเทพมหานคร ที่ยังคงเหลือ 7 ด่าน ตรวจคัดกรองประชาชนเมื่อเวลา 22.00 น.วานนี้เป็นวันสุดท้าย
จากนั้นด่านตรวจคัดกรองจะปรับรูปแบบเป็นด่านควบคุมการปฏิบัติ ตามมาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน ตามพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนตลอดจนดูแลความเรียบร้อยการจัดระเบียบประชาชนในการรับ-แจกสิ่งของยังชีพด้วย