การผ่อนคลายมาตรการ หลังสถานการณ์โรคโควิด-19 ในไทยเริ่มดีขึ้น นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ให้รอฟังผลสรุปจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ กระทรวงได้เสนอความเห็นและสถานที่ที่ควรผ่อนคลายไปแล้ว โดยเห็นว่าการผ่อนคลายในช่วงนี้ควรเน้นไปที่กิจการที่มีความเสี่ยงต่ำให้ทยอยกลับมาเปิดได้ รวมถึงควรให้มีการเดินทางข้ามเขตจังหวัดหรือระหว่างประเทศได้ แต่ทั้งหมดจะต้องมีการประเมินผลทุก 2 สัปดาห์ หากสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับก็จะทยอยผ่อนคลายได้มากขึ้น ส่วนมาตรการที่ยังต้องทำอย่างเข้มงวดหลังการผ่อนคลาย คือ มาตรการด้านสาธารณสุข เช่น
-การเฝ้าระวังโรคและใช้วิธีเชิงรุกในการค้นหาผู้ป่วยรายใหม่
-การเตรียมความพร้อมและจัดระบบดูแลรักษาผู้ป่วย
-ที่สำคัญต้องมีการสอบสวนโรคและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะต้องควบคู่ไปกับการทำตามมาตรการด้านสังคมที่กระทรวงแนะนำให้ทำอยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะการรักษาระยะห่าง, การทำงานจากที่บ้าน และการใส่หน้ากาก
นพ.ธนรักษ์ ชี้ว่า มาตรการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะตอบคำถามเรื่องการกลับมาระบาดซ้ำของโรคโควิด-19 ในไทย หากทุกคนทำตามมาตรการนี้ ความเสี่ยงในการกลับมาระบาดซ้ำก็จะต่ำ แต่ถ้ามีการกลับมาใช้ชีวิตปกติ ไม่ทำตามมาตรการนี้ โอกาสที่โรคจะระบาดซ้ำย่อมมีสูง โดยเฉพาะการระบาดและพบผู้ป่วยแบบกลุ่มก้อนจำนวนมากเหมือนที่เคยพบ และฝากถึงประชาชนเกี่ยวกับการดูว่าหน้ากากที่ใส่มีประสิทธิภาพหรือไม่ว่า หน้ากากที่ดีต้อง
-กระชับกับใบหน้าของผู้ใส่
-ต้องรัดตั้งแต่ปลายคางมาถึงบริเวณจมูก
-ที่สำคัญต้องไม่มีรูรั่ว เพราะหากหน้ากากมีรูจะทำให้อากาศที่ไม่ผ่านการกรองของหน้ากากเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
พร้อมย้ำว่าหน้ากากทุกชนิดดีกว่า Faceshield เนื่องจาก Faceshield ไม่มีการกรองเชื้อโรคเหมือนหน้ากาก
...