รอศบค.ประกาศ ผ่อนคลายมาตรการให้สถานประกอบการ แม้ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน

          หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน(พ.ร.ก.) ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 - 31 พฤษภาคม 2563 

          นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การขยายเวลาบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นข้อเสนอจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ขยายจากระยะเวลาเดิมที่มีการบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม - 30 เมษายน 2563  หลังผ่านการพิจารณาจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แล้ว แต่ยังคงมาตรการที่ต้องปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ คือ

-จำกัดการเข้าราชอาณาจักรทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ (สำหรับทางอากาศ ให้ขยายระยะเวลาการห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวออกไปอีก 1 เดือน มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 – 31 พฤษภาคม 2563)

-ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา 22.00 - 04.00 น.

-งดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดโดยไม่จำเป็น

-ห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่ หรือสถานที่ซึ่งมีคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกันและเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคติดเชื้อโควิด-19 เป็นการชั่วคราว

          นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบให้ ศบค.กำหนดกรอบอำนาจตามมาตรา 9 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้หน่วยงานต่างๆ กรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เป็นผู้กำหนดรายละเอียดในพื้นที่ของตนเองและให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมรายชื่อคนไทยที่ตกค้างและต้องการเดินทางกลับ เพื่อได้จำนวนที่ชัดเจน เพื่อจัดเตรียมสถานที่รองรับต่อไป

          ส่วนการผ่อนคลายมาตรการ จะมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ร่วมกันกำหนดหลักการเพื่อบังคับใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยทั้งหมดต้องยึดปัจจัยตามที่กระทรวงสาธารณสุข และปัจจัยอื่นๆมาประเมินสถานการณ์ร่วมกัน

          นอกจากนี้ที่ประชุม ครม. ยังมอบหมายให้กำหนดประเภทกิจกรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและมีการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค หากควบคุมโรคได้ก็จะมีการผ่อนปรนต่อ แต่หากควบคุมไม่ได้จะสั่งปิดทันที ซึ่งในมาตรการผ่อนคลายจะต้องมีการเร่งตรวจเชื้อกลุ่มเสี่ยง และแรงงานต่างด้าว

          โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนรอฟังประกาศจาก ศบค. อย่างเป็นทางการว่าสถานประกอบการใดบ้าง ที่สามารถเปิดทำการได้