นายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ของสหรัฐฯและผู้ก่อตั้งมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ องค์กรการกุศล ซึ่งศึกษาเรื่องโรคระบาดมาหลายปี รวมทั้งโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน เปิดเผยว่า การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของสหรัฐฯอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับเงื่อนไขว่า ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงต่างๆ พร้อมติดตามกลุ่มที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ป่วยใหม่ให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ของประเทศแล้วหรือยัง
นายเกตส์ เตือนว่า การที่รัฐบาลมีแนวคิดที่จะเปิดบางรัฐของสหรัฐฯเพราะเหตุว่า แนวโน้มการแพร่ระบาดในท้องที่นั้นๆ เริ่มลดลง ไม่ได้หมายความว่า ความเสี่ยงในพื้นที่นั้นหมดไปแล้ว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า หลายคนแสดงความกังวลว่า การเปิดเมืองเร็วเกินไปอาจจะทำให้นำไปสู่การแพร่ระบาดระลอกที่ 2 พร้อมเตือนรัฐบาลว่าให้พิจารณาให้รอบคอบว่ามีภาคส่วนใดของสังคมหรือกิจการใดของสังคมที่ถือว่ามีความสำคัญมากต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เช่น โรงเรียน การผลิตอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง ซึ่งภาครัฐอาจจะอนุญาตให้เริ่มเปิดตามปกติได้ก่อนกลุ่มอื่นๆ แต่ภาครัฐจะต้องใช้บังคับมาตรการด้านความปลอดภัย เรื่องการสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะทางสังคมในช่วงที่ภาคส่วนหรือกิจการนั้นกลับมาเปิดตามปกติด้วย
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป คือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะต้องเร่งตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงต่างๆและติดตามผู้ใกล้ชิดกับผู้ป่วยให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ พร้อมแนะนำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขดำเนินการเชิงรุก ไม่ควรรอให้ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเต็ม และมีคนเสียชีวิตมากขึ้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะต้องค้นหาสาเหตุที่อาจจะทำให้ตัวเลขผู้ป่วยในบางท้องที่กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังการลดในตอนแรก ทั้งนี้ สหรัฐฯมีผู้ป่วยสะสม 965,910 คน เสียชีวิต 54,876 ราย
Cr: CNN