การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. มีมติเห็นชอบร่วมกันว่าให้ต่ออายุ-ขยายการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไป 1 เดือน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ชี้แจงว่า มติให้ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป 1 เดือน และคง 4 มาตรการไว้ ได้แก่
-ควบคุมการเดินทางเข้า-ออก ราชอาณาจักร ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ (ขยายการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวออกไปอีก 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1-31 พ.ค.) เพื่อควบคุมไม่ให้เชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศ
-ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน (Curfew) ระหว่างเวลา 22.00น.-04.00น.ของวันรุ่งขึ้น
-งดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด เพื่องดการเคลื่อนย้ายคน ซึ่งทำให้การส่งต่อเชื้อโรคเข้าสู่ต่างจังหวัดลดลง
-งดการดำเนินกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันจำนวนมาก เช่น การสัมมนา การจัดกิจกรรมในที่แจ้ง
แนวทางการผ่อนปรนมาตรการบังคับใช้กฎหมายจะใช้แนวคิดในการดำเนินการที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยทางด้านสาธารณสุขเป็นหลักและปัจจัยอื่นมาประกอบกัน นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการทำงานอยู่ที่บ้าน ส่วนคนที่เหลือก็ต้องปฎิบัติตัวอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม คนที่ทำงานที่บ้านและนอกบ้าน ก็ต้องปฎิบัติตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
-พิจารณาจากประเภทของกิจกรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในลำดับแรกและทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย
-กำกับให้กิจกรรม ต้องประกอบด้วย การเว้นระยะห่างทางสังคม ,การบริการแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อหรือเจลล้างมือ ,จำกัดจำนวนคน ,และมีแอปพลิเคชั่นติดตาม (หากเป็นไปได้)หรือการลงทะเบียน
นอกจากนี้จะเร่งรัดตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและมีการใช้เทคโนโลยีติดตาม เพื่อตรวจตรากิจกรรมควบคู่กันไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจะมีการประเมินผลหรือกำหนดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ตามวงรอบทุกๆ 14 วัน ซึ่งหากควบคุมได้ดีขึ้นก็จะสามารถผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมและขยายพื้นที่เพิ่มเติม แต่หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะระงับมาตรการผ่อนคลายในทันที