ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2563

27 เมษายน 2563, 10:33น.


จีน เปิด 4 เคล็ดลับ ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เมืองอู่ฮั่น



          ผู้ป่วยโรคโควิด-19 รุนแรงคนสุดท้ายในเมืองอู่ฮั่น ของจีน หายดี เป็นครั้งแรกที่ผู้ป่วยรุนแรงในอู่ฮั่นเป็นศูนย์ ผู้สื่อข่าว CMG สัมภาษณ์ หม่า เสี่ยวเว่ย ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพและสวัสดิการแห่งชาติ กล่าวว่า จีนได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่มีค่าในการรักษาโควิด-19 ในผู้ป่วยรุนแรงและนำมาแบ่งปันกับนานาชาติได้ ผู้ป่วยรุนแรงในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ตอนนี้ได้กลายเป็นศูนย์แล้ว อัตราการรักษาสำเร็จอยู่ที่ร้อยละ 92.2 และสัดส่วนของผู้ป่วยรุนแรงทุเลาลงเป็นร้อยละ 88.9 แสดงถึงชัยชนะที่จีนได้รับ ขณะเดียวกันก็เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการรักษาโรคระบบทางเดินหายใจและโรคติดเชื้อของจีนด้วย



          หม่า เสี่ยวเว่ย กล่าวว่า จีนได้จัดบุคลากรทางการแพทย์และการพยาบาลมากกว่า 42,000 คน จากทั่วประเทศ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการเข้ารักษาพื้นที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเน้นการดูแลทางการรักษาและการพยาบาลควบคู่กัน การรักษาจัดการ การรักษาอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐาน สรุปจุดสำคัญของจีนในด้านการรักษาไว้ 4 จุด



1.นำความรู้ด้านพื้นฐานการรักษาผสมกับด้านคลินิก ดำเนินการกายวิภาคพยาธิวิทยา เพื่อเข้าใจว่าไวรัสโจมตีร่างกายส่วนไหนและกำหนดทิศทางการรักษาต่อไป



2. การทำงานร่วมกันของแนวหน้าและแนวหลัง แนวหน้าดูแลผู้ป่วยวิกฤต แผนกระบบทางเดินหายใจ แผนกระบบไหลเวียนโลหิตและแผนกอื่นๆ เช่น ภูมิคุ้มกันเลือด ซึ่งจะได้รับการปรึกษาจากระยะไกล รวบรวมพลังด้านวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือ



3. การรวมกันของด้านการแพทย์และการพยาบาล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการดูแลผู้ป่วยอาการหนัก การพยาบาลแบบองค์รวม การพยาบาลมืออาชีพ รวมถึงด้านการใช้ชีวิตและจิตใจ ทั้งสี่ด้านควรจะรวมกัน



4. ด้วยการรวมกันของการรักษาและการจัดการทางการแพทย์ เราจะสามารถสร้างกระบวนการมาตรฐานและระบบการประเมินที่สมบูรณ์และครบวงจรในด้านการรักษา



สธ.กังวล ประชาชน 4 %ไม่สวมหน้ากาก เริ่มใช้ชีวิตปกติ



          นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีประชาชนเริ่มให้คำตอบว่าจะไม่สวมหน้ากากถึงร้อยละ 4 และร้อยละ 94 จะใช้หน้ากากป้องกัน จึงต้องกลับมากระตุ้นเตือนกันอีกครั้งว่าการใช้หน้ากากยังสำคัญ นอกเหนือจากการล้างมือและลดการสัมผัสใบหน้า พบว่าประชาชนใช้หน้ากากผ้าถึงร้อยละ 53 และใช้หน้ากากอนามัยถึงร้อยละ 40 ที่เหลือใช้หน้ากากชนิดอื่น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี  ขณะนี้ประชาชนเริ่มออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านกันมากขึ้น ถือว่าการใช้หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยจะเป็นด่านสุดท้ายในการป้องกันและแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น



นายกฯ กำชับระบบคัดกรองคนกลับจากต่างประเทศไม่เกิน 1ชั่วโมง



         พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เดินทางไปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ช่วงบ่ายวานนี้ รอรับคนไทยที่เดินทางกลับจากออสเตรเลีย จำนวน 207 คน ประกอบด้วย นักเรียน นักศึกษา คนงาน นักท่องเที่ยวที่ตกค้างอยู่ พร้อมตรวจเยี่ยมการทำงานของเจ้าหน้าที่ การคัดกรอง ระบบตรวจคนเข้าเมือง นายกฯ สั่งการให้กระชับเวลาการตรวจเข้าเมือง และการคัดกรอง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางกลับ ซึ่งฝ่ายที่ดูแลและร่วมปฏิบัติการ เช่น สาธารณสุข การท่าอากาศยานฯ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และกลาโหม ได้รับไปดำเนินการ ว่าสามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน ไม่เกิน 1 ชม. 



         สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 2563 ยกเว้นอากาศยานบางประเภท ซึ่งหนึ่งในข้อยกเว้นได้เครื่องบินเช่าเหมาลำที่นำคนไทยกลับประเทศ ( Repatriation) และปฏิบัติตามมาตรการ Fit to Fly อย่างเข้มงวด โดยผู้ที่เดินทางกลับมาทั้งหมดนี้ จะผ่านการตรวจคัดกรอง หากพบมีไข้ จะนำส่งโรงพยาบาล หากปกติไม่มีไข้จะต้องเข้าสู่ระบบกักกันโรค หรือ สถานที่ควบคุมของรัฐ (State Quarantine) ทุกคนเป็นเวลา 14 วัน  นายกฯ รอรับคนไทยที่เดินทางกลับมาถึงและสอบถามพูดคุยเกี่ยวกับการเดินทาง และสุขภาพ ระหว่างรอขั้นตอนการคัดกรอง และแจ้งว่าหากขาดเหลือมีปัญหาอะไร ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที ทุกคนพร้อมดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่



ศบค.ฝากพ่อบ้าน-คนในครอบครัว ช่วยเตือนแม่บ้านหยุดการรวมกลุ่มทำผิดกฎหมาย



          นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึง การวิเคราะห์ผู้ฝ่าฝืนกระทำผิดรวมกลุ่ม ชุมนุม มั่วสุม ในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อในช่วงเวลาที่มีการประกาศเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 22.00 น.- 04.00 น. วันที่ 3-25 เม.ย. แบ่งเป็น ชาย 532 คน หญิง 178 คน รวม 710 คน ผู้กระทำผิดสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 21- 30 ปี จำนวนผู้กระทำผิดที่เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอย่างชัดเจน



          ขณะที่ จำนวนผู้ฝ่าฝืนกระทำผิดรวมกลุ่ม ชุมนุม มั่วสุม ในลักษณะเสียงต่อการแพร่เชื้อตั้งแต่วันที่ 3 - 25 เม.ย.ในรอบ 24 ชั่วโมง แบ่งเป็นชาย 2,936 คน หญิง 1,676 คน รวม 4,612 คน จะเห็นว่ากลุ่มผู้กระทำผิดในช่วงอายุ 51 - 60 ปี จะมีจำนวนผู้หญิงที่กระทำผิดมากกว่าผู้ชาย สอบถามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก็น่าจะเป็นเรื่องการชุมนุมมั่วสุมเล่นพนัน ซึ่งเป็นคดีที่มีเข้ามากที่สุด ต้องขอให้ทางคุณพ่อบ้านช่วยเตือนคุณแม่บ้านหรือคนที่อยู่ที่บ้านช่วยเตือนด้วยว่าการกระทำแบบนี้ไม่ดี เสี่ยงต่อการติดเชื้อ



          การฝ่าฝืนมาตรการเคอร์ฟิวรายภาค ภาคกลาง อันดับ 1. ได้แก่ จ.ปทุมธานี มีผู้ออกนอกเคหสถาน 51 คน ชุมนุมมั่วสุม 9 คน กรุงเทพฯ ออกนอกเคหสถาน 31 คน ชุมนุมมั่วสุม 15 คน ภาคใต้ อันดับ 1. ได้แก่ จ. ภูเก็ต ออกนอกเคหสถาน 27 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อันดับ 1. ได้แก่ จ.นครราชสีมา ออกนอกเคหสถาน 15 คน ชุมนุมมั่วสุม 3 คน และ ภาคเหนือ อันดับ 1.จ. เชียงใหม่ ออกนอกเคหสถาน 14 คน



สน.บางขุนเทียน บุกจับ 9 นักพนัน เล่นทายภาพสัตว์



         ตำรวจชุดสืบสวน สน.บางขุนเทียน นำกำลังบุกจับนักพนันลักลอบเล่นพนันทายภาพสัตว์ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ ตึกแถวแห่งหนึ่ง ในซอยตากสิน 46 เขตจอมทอง กรุงเทพฯ โดยสามารถจับกุมนักพนันได้ 9 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 6 คน โดยตำรวจได้คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน พร้อมแจ้งข้อหา ลักลอบเล่นการพนันทายภาพสัตว์ พนันเอาทรัพย์สิน และร่วมกันชุมนุมมั่วสุมทำกิจกรรมในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แม้ทุกคนอ้างขณะเล่นสวมใส่หน้ากากอนามัย



CR:Army times Thailand



 

ข่าวทั้งหมด

X