นายกฯอังกฤษ เตรียมรับศึกหนัก ผู้เสียชีวิตโควิด-19 พุ่งกว่า 20,000 ราย
ในวันนี้ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ที่รอดชีวิตจากโรคโควิด-19 จะกลับมาทำงาน โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้นในการทำงาน และต้องเผชิญปัญหาหนักรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่ต้องพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้โรคโควิด-19 กลับมาระบาดซ้ำอีก
ผู้นำอังกฤษ เปิดเผยกับผู้ช่วยระหว่างการประชุมยุทธศาสตร์รับมือโควิด-19 นาน 3 ชั่วโมงว่า ทีมแพทย์อนุญาตให้กลับมาทำงานได้แล้ว การประชุมที่เช็กเกอร์ส (Chequers) ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนของนายจอห์นสัน มีผู้เข้าร่วมประชุมหลายคนรวมถึงนายโดมินิค ราบ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ นายริชี ซูนัค รัฐมนตรีคลังอังกฤษ นายมาร์ค เซดวิล เลขาธิการครม.อังกฤษ และผู้ช่วยคนสำคัญได้แก่ นายดอมินิค คัมมิงส์ และนายลี เคน ผู้อำนวยการด้านการสื่อสาร มีรายงานว่านายซูนัค รายงานให้นายกฯจอห์นสัน ทราบถึงแผนการที่จะให้ธุรกิจในส่วนที่ไม่สำคัญของอังกฤษกลับมาเปิดอีกครั้ง เปลี่ยนรูปแบบการทำงาน เปิดโรงเรียน แต่ต้องเข้มงวดการใช้มาตรฐานทางสุขอนามัย มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ฮอปกิ้น รายงานเมื่อเวลา 05.06น.ว่า อังกฤษ มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 154,032 คน เสียชีวิต 20,794 ราย
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ร่วงลงร้อยละ 5.1 จากเดือนก.พ. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจลดลงร้อยละ 4 และยังทำสถิติลดลงอย่างหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์ เป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์ และคำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้าน
หลายประเทศเตรียมใช้มาตรการผ่อนปรนล็อกดาวน์
รัฐบาลของประเทศต่างๆ กำลังเร่งเตรียมการยกเลิกหรือผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่เพื่อกลับคืนสู่สภาวะปกติ สหรัฐฯเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุด หลายรัฐของสหรัฐฯ เริ่มใช่มาตรการผ่อนคลาย เช่น จอร์เจีย โอคลาโฮมา อลาสก้า ส่วนมากเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับร้านเสริมสวย สปา จนถึงลานโบว์ลิ่ง เปิดทำการอีกครั้ง
นายแอนโธนี เฟาซี ที่ปรึกษาด้านโรคระบาดระดับสูงของทำเนียบขาว เตือนว่า สหรัฐฯจะพบการระบาดของไวรัสโคโรนาอีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วง สถานการณ์อาจซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากตรงกับช่วงการระบาดปกติของไข้หวัดใหญ่
สเปน เป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.อนุญาตให้เฉพาะผู้ใหญ่ที่สุขภาพแข็งแรงออกจากบ้านไปซื้ออาหารและยา หรือพาสุนัขออกไปเดินเล่นใกล้บ้านได้เท่านั้น แต่ไม่อนุญาตให้เด็กออกจากบ้านโดยเด็ดขาดไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม แต่ล่าสุด เมื่อวานนี้ อนุญาตให้เด็กสามารถออกไปเดิน วิ่ง หรือเล่นนอกบ้านได้วันละ 1 ชั่วโมง โดยมีผู้ใหญ่ไปด้วย และในรัศมีไม่เกิน 1 กิโลเมตรจากบ้าน สุดสัปดาห์หน้าชาวสเปนทั้งหมดจะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านไปออกกำลังกายหรือเดินเล่น
ในวันพรุ่งนี้ ฝรั่งเศส เตรียมแถลงแผนยกเลิกการปิดเมือง
ขณะที่ชาวอิตาลีที่ถูกล็อกดาวน์มาตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.กำลังรอฟังการตัดสินใจของรัฐบาลในการยกเลิกข้อจำกัดในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และอาจได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้อย่างอิสระต้นเดือนพ.ค.
ที่เยอรมนี ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงหลายสิบคนในกรุงเบอร์ลินที่ฝ่าฝืนและคัดค้านมาตรการล็อกดาวน์
ขณะเดียวกัน ชาวมุสลิมหลายร้อยล้านคนทั่วโลก ทำพิธีนอกมัสยิดเป็นวันที่ 2 ของเทศกาลรอมฎอน รวมทั้งหลีกเลี่ยงการกินอาหารร่วมกับครอบครัวหลังสิ้นสุดการถือศีลอดในแต่ละวัน ภายใต้กฎการเว้นระยะห่างทางสังคม
อิหร่าน ยอมให้ธุรกิจเปิดดำเนินการอีกครั้งมาระยะหนึ่ง นายอาลีเรซา ซาลี เจ้าหน้าที่ประสานงานด้านสุขภาพในกรุงเตหะราน วิจารณ์ว่า การที่รัฐบาลรีบเร่งเปิดเมืองอาจทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่ในเมืองหลวง หลังจากรายงานระบุว่าผุ้เสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 5,710 ราย
สมเด็จพระราชาธิบดี ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส อัล ซาอุด แห่งซาอุดีอาระเบีย มีพระบรมราชโองการให้ยกเลิกมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถาน หรือ เคอร์ฟิว เป็นบางส่วนทั่วประเทศ ตั้งแต่วันอาทิตย์เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 13 พ.ค.โดยจะเหลือเวลาห้ามออกนอกบ้านระหว่าง 9.00 น.-17.00 น.ยกเว้นที่เมืองเมกกะที่ยังคงให้มีเคอร์ฟิว ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้อนุญาตให้ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการพาณิชย์ได้บางส่วน เช่น ร้านค้าส่งและค้าปลีก ในห้างสรรพสินค้าระหว่างช่วงเดือนถือศีลอดรอมฎอน ระหว่างวันที่ 29 เม.ย.ถึง 13 พ.ค.
ขณะเดียวกันที่กรุงปักกิ่ง รัฐบาลจีน ออกกฎใหม่เพื่อต่อสู้กับโรคระบาดด้วยการห้ามพฤติกรรมที่ไม่ศิวิไลซ์ เช่น การไม่ปิดปากและจมูกขณะไอหรือจาม จำนวนผู้ติดเชื้อในจีน ลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ทางการเริ่มยกเลิกมาตรการควบคุมอย่างระมัดระวัง กลัวว่าไวรัสอาจกลับมาอีกครั้งรวมทั้งกังวลกับเคสใหม่ที่มาจากต่างประเทศก็ตาม
สื่อจีน เผย “คิม จองอึน” ขอบคุณแรงงานในบ้านเกิดพ่อ ท่ามกลางข่าวว่าเสียชีวิต
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน อ้างอิงการรายงานของหนังสือพิมพ์ข่าวแรงงาน ซึ่งเป็นสื่อทางการของพรรคแรงงานแห่งเกาหลีเหนือ ระบุว่า นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ อายุ 36 ปี แสดงความขอบคุณคณะทำงานพัฒนาเมืองซัมจียอน ใกล้กับเทือกเขาแพ็กดู (หรือในชื่อเทือกเขาฉางไป๋ของฝั่งจีน) บ้านเกิดของพ่อ นาย คิม จองอิล ผู้นำรุ่นที่ 2 ของเกาหลีเหนือ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ว่าบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์โนดอง ฉบับวันอาทิตย์ รายงานว่านายคิม มีจดหมายขอบคุณความทุ่มเทของคนงานก่อสร้างในโครงการพัฒนาเมืองซัมจียอน ทางตอนเหนือของประเทศ ให้เป็นเมืองตากอากาศแห่งใหม่ โครงการดังกล่าวสร้างเสร็จอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
ขณะที่เว็บไซต์ 38 north.org หรือ 38 องศาเหนือ ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เผยแพร่ชุดภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่ามีรถไฟขบวนหนึ่งจอดอยู่ที่ "สถานีท่านผู้นำ" ในเมืองวอนซาน ทางตะวันออกของประเทศ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. และ 23 เม.ย. โดยสถานีแห่งนี้เป็นสถานที่สงวนไว้เฉพาะขบวนรถไฟของผู้นำสูงสุดเท่านั้น รายงานของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ยอมรับว่าแม้มีขบวนรถไฟจอดอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่านายคิม จอง อึน จะอยู่ที่เมืองแห่งนี้หรือในพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากมีรายงานว่าเครื่องบินโดยสารประจำตำแหน่งผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือยังจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเปียงยาง
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวญี่ปุ่น ชูกัน เกนได อ้างว่านาย คิม จองอึน อยู่ในสภาพไม่ตอบสนอง เกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดหัวใจ สำนักข่าวอ้างจากเจ้าหน้าที่การแพทย์จีนที่ถูกส่งไปรักษาผู้นำเกาหลีเหนือ
การที่รัฐบาลเกาหลีเหนือไม่แสดงท่าทีอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับกระแสข่าวที่แพร่สะพัดตลอดสัปดาห์ที่แล้วว่า หลังจากนายคิม จองอึนปรากฏตัวครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 เม.ย. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารส่วนกลางของพรรคคนงานเกาหลี หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 12 เม.ย.นายคิม จอง อึน เข้ารับการผ่าตัดระบบหัวใจและหลอดเลือด "แล้วอาการทรุดหนัก" และอาจถึงขั้นเสียชีวิต ยิ่งเพิ่มความเคลือบแคลงสงสัยและทำให้เกิดการคาดเดาไปต่างๆนานาจากโลกภายนอกว่ารายงานดังกล่าวมีมูลความจริงมากน้อยเพียงใด และ "เกิดอะไรขึ้นกันแน่" ในเกาหลีเหนือ
สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ "ไม่ใช่ครั้งแรก" ที่นายคิม จองอึน ไม่ปรากฏตัวผ่านสื่อ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2557 ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือหายหน้าไปนานกว่า 1 เดือน ก่อนกลับมาปรากฏตัว นายคิม จองอึน เป็นทายาทผู้นำเกาหลีเหนือรุ่นที่ 3 สืบทอดอำนาจต่อจากบิดา นายคิม จองอิล ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2554
CR:BBC