การตรวจคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการเข้าเกณฑ์เสี่ยงเป็นโรคโควิด-19 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. กระทรวงสาธารณสุขปรับหลักเกณฑ์อาการผู้ป่วยที่เสี่ยงป่วยด้วยโรคโควิด-19 ให้ครอบคลุมมากขึ้นจนถึงวันที่ 23 เม.ย. สามารถตรวจผู้เสี่ยงเข้าเกณฑ์ไปแล้ว 19,010 คน จำนวนนี้พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 619 คน คิดเป็นร้อยละ 3.26 เมื่อนำไปเทียบกับก่อนปรับหลักเกณฑ์เมื่อวันที่ 1 มี.ค.จนถึงปัจจุบัน หลังปรับเกณฑ์ที่ตรวจหากลุ่มเสี่ยงไปแล้ว 47,786 คน พบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 2,839 คน คิดเป็นร้อยละ 5.94 พบว่า หลังจากปรับเกณฑ์แม้จะเจอผู้ป่วยโควิด-19 น้อยลง แต่สามารถตรวจคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงได้มากขึ้น ย้ำว่า จากนี้จะพยายามตรวจกลุ่มเสี่ยงให้มากขึ้น ตั้งเป้าวันละ 2,000 คน เพื่อนำตัวมาสอบสวนโรคหาผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด ควบคู่กับการตรวจค้นหาผู้ป่วยแบบเชิงรุกในหลายจังหวัดอย่างในวันนี้ที่จังหวัดยะลา ผลค้นหาเชิงรุกทำให้ตรวจเจอผู้ป่วยเพิ่ม 4 คน ยืนยันว่าแม้จะตรวจมากขึ้นแต่ห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อมีเพียงพอ เพราะปัจจุบันมีแล้ว 123 แห่ง และอนาคตตั้งเป้าขยายเป็น 176 แห่ง พร้อมย้ำกับประชาชนว่ายังต้องทำตามมาตรการที่กระทรวงแนะนำอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการกลับมาระบาดซ้ำ
นพ.ทวีศิลป์ ยกตัวอย่างการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใน 5 จังหวัดที่ตอนแรกมีผู้ป่วยไม่กี่รายก่อนขยายวงจนถึงตอนนี้ยังพบผู้ป่วยที่มาจากกลุ่มก้อนนี้ต่อเนื่อง เช่น
-จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พบผู้ป่วยกลุ่มแรกที่กลับมาจากพิธีศาสนาที่มาเลเซีย 10 คน ก่อนกลุ่มนี้จะมาแพร่เชื้อให้คนใกล้ชิด เช่น คนในบ้านและผู้ที่ไปทำพิธีทางศาสนาด้วยกัน จนทำให้มีผู้ป่วยที่มาจากกลุ่มนี้รวมถึง 51 คน
-จังหวัดภูเก็ต ผู้ป่วยกลุ่มแรกมี 3 คน จากสถานบันเทิง แต่กลุ่มนี้ไปแพร่เชื้อต่อให้คนในบ้านและตรวจเจอจากการค้นหาเชิงรุก จึงทำให้มีผู้ป่วยที่มาจากกลุ่มนี้รวม 34 คน
-จังหวัดปัตตานี ผู้ป่วยกลุ่มแรกมี 2 คน มาจากการไปร่วมพิธีที่จังหวัดยะลา แต่ 2 คนนี้มาแพร่เชื้อต่อให้คนในบ้านและผู้ร่วมพิธีทางศาสนา รวมแล้วมีผู้ป่วยจากกลุ่มนี้ 25 คน ย้ำว่าเป็นบทเรียนที่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก