ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น. ประจำวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2563

24 เมษายน 2563, 13:03น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น. ประจำวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2563



นายกฯ หารือ รมว.สาธารณสุข มาตรการเปิดเมือง



         พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทยมีแนวโน้มการระบาดลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เราต้องไม่ประมาท เพราะฉะนั้นการที่จะผ่อนคลายสิ่งต่างๆจะต้องมีมาตรการเฉพาะออกมา และวันนี้จะมีการประชุมเพื่อรับฟังแนวทางการปฏิบัติจากสาธารณสุข ฝ่ายแพทย์ของเราเป็นหลัก เพื่อจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอื่นๆต่อไป



          สิ่งสำคัญที่เป็นห่วงประชาชน คือเรื่องของอาชีพและรายได้ การประกอบการทางธุรกิจ การใช้ชีวิตในสังคมต่างๆ แต่สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดคือเรื่องสุขภาพ เป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวชี้วัดว่า สิ่งใดที่ทำได้หรือทำไม่ได้ ในระยะเวลาต่อไปนี้ เรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือและต้องทำความเข้าใจกันด้วย โดยจะต้องนำข้อมูลต่างๆที่รับฟัง นำมาเปรียบเทียบ วิเคราะห์ เพื่อนำมาสังเคราะห์ให้ได้คำตอบออกมา เพราะโรคโควิด-19 ไม่ใช่เมื่อการระบาดของประเทศไทยลดลง การติดเชื้อลดลง แล้วจะหมายความว่าปลอดภัย  เพราะในความจริงเชื้อโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดไปทั่วโลกกว่า 200 ประเทศ สิ่งสำคัญจึงต้องทำให้บ้านเมืองของเรานั้นปลอดภัย ทำอย่างไร จึงไม่ให้มีการเจ็บป่วย โดยเป็นการรับเชื้อมาจากต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่ยอมปฏิบัติตามกติกาและมาตรการของรัฐ



          ทั้งเรื่อง Social Distancing หรือการสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือไปชุมนุมกันในพื้นที่นอกการควบคุม เช่น บางคนหนีไปทำความผิดในป่าในเขา เรื่องนี้ยอมรับว่ายังเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่  สิ่งที่รัฐบาลคำนึงถึง 2 อย่าง คือ เรื่องของสุขภาพคนเป็นหลัก รองลงมาคือเรื่องของเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลต้องหามาตรการมารองรับ แต่ก็ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลต้องใช้เงินอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหน้า



         หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข รวมถึงนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้าอีกครั้ง คาดว่าเป็นการหารือเกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 28 เม.ย.นี้ โดยใช้เวลาหารือเกือบ 1 ชั่วโมง 



'ศิริราช' ย้ำต้องเข้มต่อหากใช้มาตรการผ่อนคลาย เพื่อให้อยู่อย่างไร ไม่ให้โควิดซ้ำสอง!



          รพ.ศิริราช ได้ออกคำแนะนำ โดยรองศาสตราจารย์นายแพทย์นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า การใช้ชีวิตต่อไปเพื่อให้เกิดความปลอดภัย  รัฐบาลและประชาชนจะต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ต้องเผชิญวิกฤต รอบ 2 คือ



          การเคร่งครัดในการรักษาระยะห่างทางกายภาพ (physical distancing) โดยต้องไม่มีการอยู่รวมกันของประชาชนหนาแน่นเกินกว่า 1 คน ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ศูนย์การค้า ระบบขนส่งมวลชน สถานศึกษา การประชุม หรือการรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น เกินกว่า 50 คนขึ้นไป เป็นต้น



          ประชาชนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง เมื่อออกนอกที่พัก และสวมใส่ถ้าพื้นที่ในที่พักอยู่กันแออัด หรือสวมใส่ทุกครั้งเมื่อเป็นหวัด



          หมั่นล้างมือบ่อยๆ เมื่ออยู่ในที่พัก และทำความสะอาดมือทุกครั้งที่จับต้องวัตถุเมื่อออกนอกที่พัก



          ใช้เวลาในที่สาธารณะให้สั้นที่สุด เพื่อการอุปโภคบริโภค และกิจกรรมที่จำเป็นส่วนบุคคล



          ผู้ให้บริการทุกประเภท ที่มีการสัมผัสร่างกายผู้รับบริการ เช่น การตัดผม การนวดผ่อนคลายเส้น ต้องใส่หน้ากากอนามัยโดยเคร่งครัด มีการล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังกิจกรรม ไม่ใช้สิ่งของร่วมกันระหว่างผู้รับบริการ สถานที่ให้บริการต้องมีระบบถ่ายเทอากาศที่ดี และมีแสงสว่างเพียงพอ และงดให้บริการกับผู้ที่มีอาการไข้หวัด



          ประชาชนที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ถ้าไข้ยังสูงเกิน 48 ชั่วโมง หรือมีอาการหายใจเหนื่อย หรือหายใจติดขัด ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาว่าจะส่งตรวจการติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว มีอาการรุนแรงได้ง่าย คือ อายุเกิน 60 ปี อ้วนมาก มีโรคปอด โรคหัวใจ โรคไต และโรคตับเรื้อรัง หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง



          ส่วนการเดินทาง สามารถเดินทางไปมาระหว่างพื้นที่ได้ ยกเว้นการเดินทางเข้าออกพื้นที่ ที่ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ จะต้องมีมาตรการคัดกรองที่เข้มงวด



          เมื่อเริ่มมีมาตรการการผ่อนคลายแล้ว หากเกิดมีการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อแล้วป่วยขั้นวิกฤต ประชาชนต้องเตรียมพร้อมที่จะกลับไปใช้ชีวิตตามมาตรการที่เข้มงวดขึ้นอีกครั้ง



ภูเก็ต พบ เด็ก 2 ขวบ ติดโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4



           คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต แจ้งสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จังหวัดภูเก็ต ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม – 23 เมษายน 2563 จังหวัดภูเก็ตมีผู้ติดเชื้อยืนยันโรคโควิด-19 แล้วจำนวน 201 คน (รายใหม่ 4 คน)



          โดยผู้ติดเชื้อได้รับอนุญาตให้ กลับบ้าน 153 คน (เพิ่มขึ้นจากเดิม 2 คน) จำหน่าย 1 ราย (จำหน่าย เนื่องด้วยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์) กำลังรักษาพยาบาลอยู่ 47 คน ในจำนวนนี้ อาการรุนแรง 4 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต ที่เหลืออาการอยู่ในเกณฑ์ที่ดี



          ผู้มีอาการเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 3,294 คน (รายใหม่ 126 คน)โดยยังคงรักษาในโรงพยาบาล 124 คน ในจำนวนนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 77 คน กลับบ้านแล้ว 3,170 คน



          สำหรับผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 รายใหม่ทั้ง 4 คน มีเด็กชายไทย อายุ 2 ปี สำหรับผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 ที่พบเพิ่มในวันนี้เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูง เช่น พักอาศัยในบ้านเดียวกัน ทำงานในที่เดียวกันกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ในพื้นที่บางเทา ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง



นายกเทศมนตรีนครโอซากาถูกวิจารณ์หนัก หลังแนะนำให้ผู้ชายออกไปซื้อของแทนผู้หญิง เพราะผู้หญิงเลือกนาน



          สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า นายอิจิโร มัตสุย นายกเทศมนตรีนครโอซากา ของญี่ปุ่น วัย 56 ปี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ควรให้ผู้ชายเป็นคนทำหน้าที่ไปซื้อของนอกบ้าน เพราะผู้ชายจะหยิบเฉพาะของที่ทางบ้านบอกให้ซื้อแล้วกลับ ขณะที่ ผู้หญิงจะเดินไปเดินมา ลังเลตัดสินใจไม่ได้ ทำให้ใช้เวลาในร้านนาน แต่เมื่อถูกผู้สื่อข่าวทัก เขายอมรับว่าคำพูดของเขาอาจฟังไม่เข้าหู แต่ครอบครัวเขาเป็นเช่นนี้จริง ๆ 



          ผู้ใช้สื่อออนไลน์ในญี่ปุ่นตำหนินายกเทศมนตรีโอซากา ว่าไม่ให้เกียรติทั้งผู้หญิงและผู้ชาย บางคนมองว่าเขาเต็มไปด้วยอคติต่อผู้หญิง ผู้ชายที่ตัดสินใจไม่ได้และผู้หญิงที่ว่องไวก็มีถมไป  ไม่มีใครอยากเสียเวลาในร้านแต่ระหว่างซื้อของต้องคิดเรื่องราคาและเมนูที่จะทำไปด้วย



         แต่ก็มีบางคนแสดงความเห็นด้วยว่า บรรดาคุณป้าทั้งหลายชอบเดินไปคุยไปมากกว่าจะสนใจซื้อของอย่างจริงจัง ทำให้ใช้เวลาอยู่ในร้านนาน



          ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่น ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเพื่อยับยั้งโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และขอให้ประชาชนบางพื้นที่ใช้เวลาซื้อของให้น้อยลง โดยออกไปซื้อครอบครัวละหนึ่งคนเพื่อลดการติดเชื้อ



 

ข่าวทั้งหมด

X