ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.ประจำวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2563

24 เมษายน 2563, 08:26น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.ประจำวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2563



พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ดันส่งออกไทย ครัวของโลก



          หลังการหารือกับเกษตรกร ผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารสำเร็จรูป นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้ร่วมกันหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 โดยจะพลิกวิกฤตให้กลับมาเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้า โดยกำหนด 10 มาตรการที่จะดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และภาคเกษตร



         สำหรับในปี 2562 ไทยสามารถส่งออกอาหารสำเร็จรูปและอาหารแปรรูปมีมูลค่า 579,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.6 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด โดยไทยถือเป็นผู้ส่งออกสินค้าดังกล่าวเป็นอันดับ 10 ของโลก โดยไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกใน 3 สินค้าคือ สับปะรดกระป๋อง กะทิ และข้าวโพดหวานกระป๋อง ส่วนไตรมาส 1/2563 ไทยสามารถส่งออกอาหารสำเร็จรูปและอาหารแปรรูปมูลค่า 137,756 ล้านบาท

          สำหรับ 10 มาตรการดังกล่าว  เช่นการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดโลกให้กับผลิตภัณฑ์อาหารของไทย โดยกระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำคลิป 10 ภาษาเพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์อาหารไทย และเสริมสร้างภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อต่างชาติ กระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับผู้ผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูป ทำแผนเปิดตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปและอาหารแปรรูปโดยเฉพาะ โดยเน้นตลาดอาเซียน เอเชีย ตะวันออกกลาง รัสเซียและเครือจักรภพ (ซีไอเอส)  ร่วมมือกันกับภาคเอกชน เร่งรัดเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร



ยอดสั่งซื้อสินค้าเกษตรทะลุกว่าร้อยล้านบาท



          นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร  เปิดเผยว่า ตามที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้ริเริ่มจัดทำโครงการสนับสนุนสินค้าเกษตรไทยสู้ภัยโควิด-19 เพื่อรณรงค์ส่งเสริมสินค้าเกษตรไทยและช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนภายใต้แนวคิด "ซื้อสินค้าเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด" โดยเชิญชวนให้ส่วนราชการ บริษัท ห้าง/ร้าน และประชาชนช่วยกันอุดหนุนซื้อสินค้าเกษตรคุณภาพดีไปมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องเสียสละเวลาในการดูแลประชาชนที่เจ็บป่วยจากการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19



          เบื้องต้นกรมส่งเสริมการเกษตรได้ระดมทุนส่งมอบผลผลิตมะม่วงคุณภาพดีจากเกษตรแปลงใหญ่ในพื้นที่ 12 จังหวัด ประกอบด้วย นครราชสีมา ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ อุดรธานี พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย น่าน ลำพูน และเชียงใหม่ ส่งมอบไปยัง 4 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลทรวงอก สถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์   เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน ให้ได้บริโภคสินค้าเกษตรสด ใหม่ และมีคุณภาพในช่วงนี้ โดยมีสำนักงานเกษตรจังหวัดและหน่วยงานต่าง ๆ ให้ความร่วมมือและร่วมกิจกรรม คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 111,294,509 บาท (ตัวเลข ณ วันที่ 17 เมษายน 2563) พร้อมทั้งทยอยส่งมอบผลผลิตเกษตรให้แก่โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ของตนเอง เพื่อมอบเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน และเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในช่วงสถานการณ์



           นอกจากโครงการสนับสนุนสินค้าเกษตรไทยสู้ภัยโควิด-19  แล้ว กรมส่งเสริมการเกษตรยังได้เชิญชวนเกษตรกรสมัครเข้าร่วมการขายแบบสินค้าออนไลน์ในทุกช่องทางทั้งบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด, ลาซาด้า  ขณะนี้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้าไปรับซื้อและช่วยกระจายผลผลิตผ่านระบบของไปรษณีย์แล้ว รวมมูลค่าที่เกษตรกรได้รับ จำนวน 3,930,000 บาท และประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ตลาดไท และโฮมโปรเปิดจุดจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกรฟรี 3 เดือน หรือสั่งซื้อได้จากเกษตรกรโดยตรง รวมทั้งสนับสนุนสินค้าเกษตร 19 แห่ง รวม 6.9 ตัน คิดเป็นมูลค่า 264,540 บาท.



วันนี้เราไม่ทิ้งกันจ่ายอีก 700,000คน



          การจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้จะมีการจ่ายเงินเยียวยาให้อีก 700,000คน ประกอบด้วย



-จำนวน 500,000คน จากกลุ่มที่ระบบสั่งให้ยื่นข้อมูลมาเพิ่มตั้งแต่ลงทะเบียนรอบแรก



-จำนวน 200,000คน เป็นกลุ่มที่ระบบปฏิเสธจ่ายเงินให้ แต่ยื่นอุทธรณ์สิทธิ์ผ่านแล้ว



          เมื่อรวมกับผู้ที่ผ่านเกณฑ์ได้เงินไปแล้วก่อนหน้า 4,200,000คน ถึงวันนี้จะมีผู้ได้รับเงินเยียวยา รวม 4,900,000คน คาดว่า ในวันจันทร์และวันอังคารหน้าจะมีผู้ผ่านเกณฑ์ได้รับเงินอีก 1,500,000 คน จากนั้นกระทรวงจะทยอยตรวจสอบและจ่ายเงินให้ผู้ผ่านเกณฑ์ที่เหลือ ตั้งเป้าว่าผู้ที่ระบบสั่งให้ส่งข้อมูลเพิ่มต้องรู้ผลภายในสัปดาห์นี้ ส่วนผู้อุทธรณ์สิทธิ์ที่เปิดให้ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันจันทร์ ต้องตรวจสอบจ่ายเงินให้ครบก่อนมีการจ่ายเงินเยียวยาเดือนที่สอง โดยปัจจุบันมีผู้ยื่นอุทธรณ์สิทธิ์เข้ามาแล้ว 2,400,000 คน จากจำนวนทั้งหมด 10 ล้าน 6 แสนคน และภายในวันนี้ ทุกคนที่ลงทะเบียนมาจะได้รับข้อความยืนยันว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มใดของการพิจารณา  ส่วนการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ตอนนี้ขอเลื่อนออกไปก่อน



กพท. กำชับ สายการบินต้องเข้มงวด หลังกลับมาเริ่มบินในประเทศ 1 พ.ค.



          มาตรการควบคุมโรคในการกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ กพท.ร่วมหารือกับสายการบินสัญชาติไทยและสายการบินต่างชาติกว่า 20 สายการบิน หลังจากที่ต้องหยุดให้บริการชั่วคราวเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19  



          เบื้องต้นมีสองสายการบินแจ้งว่ามีความพร้อมที่จะกลับมาบินเส้นทางในประเทศ ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ คือ สายการบินไทยแอร์เอเชีย จะเริ่มบินวันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป และสายการบินไทย ไลอ้อนแอร์จะขอพิจารณาเงื่อนไขการประกาศต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่คาดว่าจะออกมาก่อนวันที่ 30 เมษายนนี้ก่อน เพื่อกำหนดวันเริ่มบินต่อไป พร้อมขอให้ทุกสายการบินต้องปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด



        -ให้ขายบัตรโดยสารในลักษณะที่นั่งเว้นที่นั่ง



          เมื่อถึงช่วงเดินทางต้องรักษาระยะห่างระหว่างผู้โดยสาร (Social Distancing) ทุกขั้นตอนตั้งแต่การเช็กอิน การขึ้นและลงเครื่องบิน



         ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน



          เส้นทางที่มีระยะเวลาการบินเกินกว่า 90 นาที สายการบินจะต้องกันที่นั่งแถวหลังไว้พิเศษสำหรับแยกผู้โดยสารที่มีอาการน่าสงสัยระหว่างเที่ยวบิ



         -ลูกเรือจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ถุงมือ และ Face shield



          ผู้โดยสารต้องรับผิดชอบสวมใส่หน้ากากอนามัยมาเองและใส่ตลอดเวลาการเดินทาง รวมถึงไม่สามารถนำอาหารของตนเองมารับประทานในเครื่องบิน



         -ขอให้ผู้โดยสารตรวจสอบเที่ยวบินที่ให้บริการในประเทศกับสายการบินโดยตรง เนื่องจากอาจจะยังไม่เปิดให้บริการในทุกเส้นทาง และสามารถติดตามประกาศการเดินทางทางอากาศที่เกี่ยวกับโควิด-19 ได้ที่ www.caat.or.th/corona



ปล่อยตัว “จ่าจำปา”พบแม่แล้ว 



         หลังมีการปล่อยตัวจ.ส.อ.พีรศักดิ์ จำปา หรือ “จ่าจำปา” ทหารประจำหมวดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 5 กองพลทหารราบที่ 5 ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช  ออกจากเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 43 หลังจากที่กองทัพภาคที่ 4 ทบทวนการสั่งลงโทษจำขังจาก 45 วัน เหลือ 7 วัน ฐานใช้กิริยาวาจาไม่สมควร และไม่ปฏิบัติตามนโยบายและคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หลังมีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ กล่าวหาว่าโต้เถียงกับ นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ที่ด่านตรวจบนถนนแห่งหนึ่ง หมู่ 9 ต.หนองบัว อ.รัษฎา จ.ตรัง เมื่อวันที่ 15 เม.ย.



          หลังจากนั้น จ่าจำปา ได้เดินทางมายัง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ก่อนที่จะพูดคุยและหอมที่หน้าผาก นางสุกาญจน์ทิพ จำปา อายุ 61 ปี มารดาที่นอนป่วยอยู่บนเตียง ขณะที่ทีมแพทย์จากกองพันเสนารักษ์ที่ 5 ได้ตรวจสุขภาพและให้คำแนะนำในการดูแลผู้ป่วย



           พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวในที่ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ (VTC) กับผู้บังคับหน่วยทั่วประเทศ ย้ำถึงการดำรงตนเป็นผู้บังคับหน่วยที่ดี มีการพัฒนาตนเอง ทั้งความรู้ ภาษาอังกฤษ สมรรถภาพร่างกาย และการบริหารจัดการหน่วยตามหลักนิยม โดยเฉพาะการบริหารจัดการกำลังพล เน้นการให้ความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ของนายทหารชั้นประทวน และทหารกองประจำการ ถือว่าเป็นกำลังหลักที่ขับเคลื่อนในการปฏิบัติภารกิจให้บรรลุตามนโยบายของกองทัพบก

ข่าวทั้งหมด

X