ทันสถานการณ์โลก 06.30น.ประจำวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2563

ทันสถานการณ์โลก 06.30น.ประจำวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2563

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสหรัฐฯ ออกมาชุมนุม คัดค้านผู้ประท้วงให้ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์

เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขในสหรัฐฯ ออกมาชุมนุม เมื่อวันพุธ(22เม.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อตอบโต้พวกผู้ประท้วงต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ทั่วสหรัฐฯ โดยเตือนสติ พวกไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเว้นระยะห่างทางสังคมว่า พฤติกรรมเหล่านี้ กำลังทำให้ชีวิตแพทย์และพยาบาลที่อยู่แถวหน้าในการต่อสู้กับโควิด-19 ตกอยู่ในความเสี่ยง

          การชุมนุมมีขึ้นทั่วสหรัฐฯ เช่น ในรัฐเวอร์จิเนีย, แคลิฟอร์เนีย, นิวยอร์ก, โคโรลาโด, แอริโซนาและเวอร์มอนต์ ต่อต้านมาตรการอยู่แต่ในบ้านเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) โดยเรียกร้องให้ ผู้ว่าการรัฐยกเลิกคำสั่งล็อกดาวน์ ที่บอกว่าสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจและทำให้ประชาชนหลายล้านคนต้องตกงาน

         ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) ในสหรัฐฯอย่างไม่เป็นทางการ อยู่ที่ 866,148 คน เสียชีวิต 48,868 ราย

นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ขอให้ประชาชน อดทนรับมือโควิด-19อีกยาวนาน

          สถาบัน Robert Koch (RKI) รายงานว่าเยอรมนีมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 2,352 คนรวมผู้ติดเชื้อสะสม 148,046 คนซึ่งเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สามติดต่อกันแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก 215 รายทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5,094 ราย ซึ่งทำให้นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล เรียกร้องให้ชาวเยอรมันแสดงความอดทนและความมีระเบียบวินัยในการต่อสู้กับโรคระบาดที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น 

          ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี มีความกังวลว่า ชาวเยอรมันจะผ่อนคลายมาตรการระยะห่างทางสังคมในการป้องกันโรค หลังจากที่รัฐบาลกลางและภูมิภาคมีความตกลงกันที่จะให้ร้านค้า และธุรกิจขนาดเล็ก กลับมาเปิดทำการได้ใหม่ในสัปดาห์นี้ และในวันที่ 3 พฤษภาคม จะมีการประชุมกันอีกครั้งว่า จะให้โรงเรียนเปิดการเรียนการสอนในวันที่ 4 พฤษภาคมนี้ ได้หรือไม่

          นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้สหภาพยุโรปเพิ่มการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในกลุ่ม  สหรัฐอเมริกา คือประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก รองลงมาคือสเปน อิตาลี ฝรั่งเศส และเยอรมนี

รัสเซีย ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

          สาธารณสุขรัสเซียรายงานยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 4,772 คนในวันที่23 เม.ย.2563  ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 62,773 คนจากทั้ง 85 ภูมิภาคในประเทศ และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 42 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตแล้ว 555 ราย อย่างไรก็ตามในกลุ่มผู้ป่วยที่ยังอยู่ในการรักษาที่โรงพยาบาล เป็นผู้ป่วยเด็กมากถึง 2,000 คน ส่วนกลุ่มผู้ป่วยหนักมีจำนวนมากถึง 2,300 คน โดยในกลุ่มนี้มีอยู่ 1,300 คนที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

          กรุงมอสโกที่ใช้มาตรการปิดเมืองเป็นแห่งแรกในประเทศ ยังคงเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดในรัสเซีย และเจ้าหน้าที่คาดว่าการระบาดจะยังมีความรุนแรงต่อไปอีก 2 หรือ 3 สัปดาห์ ซึ่งนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลเปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดคุยกันเกี่ยวกับการยกเลิกมาตรการปิดเมืองที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม เพื่อควบคุมโรคระบาด

          ด้านนักวิจัยรัสเซียประกาศว่าการทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในชั้นคลินิกจะมีขึ้นภายในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ โดยแนวทางการรักษาในขณะนี้ มียาหลักคือยาที่ใช้ในการรักษาโรคมาลาเรีย และการรักษาด้วยพลาสม่าจากผู้ที่หายป่วยแล้ว

จีนมอบเงิน 30 ล้านดอลลาร์ฯช่วยองค์การอนามัยโลก

          ทางการจีนประกาศในวันนี้ (23 เม.ย.) ว่าจะมอบเงินอีก 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้กับองค์การอนามัยโลก เพื่อสนับสนุนการต่อสู้กับโควิด-19 ทั่วโลกหลังจากที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ขององค์การฯ ประกาศยุติการให้เงินทุนสนับสนุน พร้อมข้อกล่าวหาที่ว่าองค์การฯ จัดการวิกฤตโควิด-19 อย่างไม่ถูกต้อง มีการปกปิดข้อมูล ทั้งดำเนินนโยบายเข้าข้างจีน จนทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง

          นายเกิ้ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า เงินจำนวน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯนี้เป็นเงินที่เพิ่มจากการบริจาคครั้งก่อนจำนวน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การสนับสนุนของจีนต่อหน่วยงานของสหประชาชาติสะท้อนถึงการสนับสนุนและความไว้วางใจจากรัฐบาลจีนและประชาชนต่อองค์การอนามัยโลก

          ขณะเดียวกันทางการจีนเรียกร้องให้สหรัฐฯสนับสนุนการทำงานขององค์การอนามัยโลกในการต่อสู้กับการระบาดใหญ่  เพราะการที่สหรัฐฯ ยุติการสนับสนุนทำให้โครงการอื่น ๆ ขององค์การอนามัยโลกต้องหยุดชะงักไปด้วย

จับตาวิกฤตน้ำมันสหรัฐ-อิหร่าน ราคาน้ำมันฟื้นตัว

          ราคาน้ำมันยังฟื้นตัวต่อเนื่องในวันพฤหัสบดี(23เม.ย.) จากความเสี่ยงเกิดความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 2.72 ดอลลาร์ ปิดที่ 16.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ ปิดที่ 21.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากความตึงเครียดในอ่าวเปอร์เซีย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ทวีตเมื่อวันพุธ(22เม.ย.) สั่งให้กองทัพเรือสหรัฐฯยิงและทำลายเรือปืนของอิหร่านทุกลำ หากมีท่าทีก่อกวนเรือสหรัฐฯ

         คำขู่ดังกล่าวกระตุ้นให้ ฮอสเซน ซาลามี หัวหน้ากองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ออกมาตอบโต้โดยบอกว่า จะทำลายเรือรบสหรัฐฯ หากสหรัฐฯเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย

          สงครามน้ำลายรอบล่าสุด เกิดขึ้นหลังจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯรายงานว่าเรือของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านได้แสดงท่าทีที่ยั่วยุและอันตราย ขณะขับเข้าใกล้เรือยามฝั่งของสหรัฐฯในอ่าวเปอร์เซีย

         ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(23เม.ย.) ปิดในกรอบแคบๆ หลังมีข่าวว่ายาทดลองต่อต้านไวรัสตัวหนึ่ง สำหรับรักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) ล้มเหลวระหว่างการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มครั้งแรก ทำลายความหวังว่าผลกระทบของโรคระบาดใหญ่ต่อตลาดแรงงานใกล้สิ้นสุดแล้ว

         ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 39.44 จุด ปิดที่ 23,515.26 จุด อย่างไรก็ตามล่าสุดสตีเฟน ซีดเฮาส์ นักวิเคราะห์จากเรย์มอนด์ เจมส์กล่าวว่า มีเอกสารหลุดออกมาว่า ยาทดลองต่อต้านไวรัส "Remdesivir" ล้มเหลวในการช่วยเหลือคนไข้โควิด-19 ที่มีอาการหนักระหว่างการทดลองในจีน

          ด้านราคาทองคำในวันพฤหัสบดี(23เม.ย.) ปิดในแดนบวก จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 7.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,745.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

บังกลาเทศผลักดันเรือชาวโรฮิงญา หลังพบศพเสียชีวิตในเรือกลางทะเล

         รัฐมนตรีการต่างประเทศบังกลาเทศ เปิดเผยว่า บังกลาเทศผลักดันเรือสองลำที่มีผู้อพยพลี้ภัยชาวโรฮิงญาจำนวนหลายร้อยคนที่อยู่ในเขตทะเลสากล ใกล้กับเขตแดนของบังกลาเทศ แม้จะมีการถกเถียงกันมากขึ้นเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือชาวโรฮิงญา หลังจากที่มีผู้พบศพชาวโรฮิงญานับสิบรายอยู่ในเรือกลางทะเล และคาดว่าทั้งหมดจะเสียชีวิตเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนหน้านั้น

          สำหรับเรือทั้ง 2 ลำนี้ ถูกพบในเขตน่านน้ำสากล ขณะที่ขบวนการค้ามนุษย์พยายามเดินทางไปยังมาเลเซีย และทางการบังกลาเทศไม่ยืนยันว่า เรือออกเดินทางมาจากที่ใด แต่ได้เพิ่มการลาดตระเวนในอ่าวเบงกอลมากขึ้นเพื่อหยุดเรือมนุษย์ที่จะเดินทางเข้ามา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ระบุด้วยว่าในเวลานี้มีชาวโรฮิงญามากกว่าหนึ่งล้านคนอยู่ในค่ายผู้อพยพลี้ภัยที่บริเวณชายแดนบังกลาเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ที่หลบหนีการกวาดล้างจากรัฐยะไข่บ้านเกิดของพวกเขา แต่ก็ยังมีผู้อพยพหลายคนที่อยู่ในค่าย พยายามลักลอบหลบหนีออกมาเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ในเอเชียที่ร่ำรวยกว่าทั้งไทย และมาเลเซีย