โฆษกศบค.ย้ำต้องเดินหน้าปฎิบัติการเชิงรุก หาคนป่วยโควิด-19 ต่อ

23 เมษายน 2563, 13:53น.


           ปฏิบัติการเชิงรุกในการค้นหาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ในกรุงเทพมหานครและภูเก็ต นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) ระบุถึงการตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หรือ กทม.พบว่า ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน-22 เมษายน มีการลงตรวจเชิงรุกไปแล้ว 2 ชุมชน คือ ชุมชนบางเขนและคลองเตย ที่มีประชาชนอยู่รวมกันหนาแน่น โดยตรวจประชาชนทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการไปแล้ว 1,876 คน มีเพียง 1 คน ที่ผลยืนยันว่าป่วยเป็นโควิด-19 สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เจอผู้ป่วยเพียงคนเดียวเป็นเพราะการดูแลสุขภาพและปฏิบัติตัวของประชาชนตามมาตรการของรัฐเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจ กทม.ยังต้องตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกต่อไป  



          เช่นเดียวกับจังหวัดภูเก็ตที่ยังมีการตรวจค้นหาผู้ป่วยโควิด-19 แบบเชิงรุกต่อเนื่อง ล่าสุดผลจากการที่เจ้าหน้าที่ปรับแผนมาค้นหาตามร้านขายยาและคลินิกต่างๆในจังหวัด  ทำให้วันนี้ในจังหวัดพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 3 คน โดยเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ป่วยเสี่ยงเข้าเกณฑ์จากสองสถานที่นี้มาตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา ทุกคนย้ำว่ายังต้องตรวจค้นหาเชิงรุกต่อเนื่อง



          สำหรับจังหวัดภูเก็ตปัจจุบันยังเป็นจังหวัดที่มีอัตราผู้ป่วยโรคโควิด-19 ต่อประชากรในจังหวัดสูงที่สุดของประเทศ คือ 47.65 คน คือทุกๆ 100,000 คน ของประชาชนในพื้นที่จะพบผู้ป่วยและยังเป็นจังหวัดที่มีผู้ป่วยสะสมมากที่สุดอันดับ 2 ของประเทศรวม 197 คน



          นพ.ทวีศิลป์ เปรียบเทียบสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในไทยว่า ปัจจุบันเหมือนมวยที่ขึ้นชกมาแค่ยกที่ 4 จาก 12 ยก การระบาดจึงอยู่อีกนาน ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ การต้องรักษามาตรการที่รัฐแนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่องเสมือนเป็นบรรทัดฐานใหม่ของสังคม



          ส่วนที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา มีเจ้าหน้าที่ป่วยเป็นโควิด-19 จริง แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุและการติดเชื้อว่ามาจากที่ใด เบื้องต้นมีผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อรวม 142 คน แบ่งเป็น



-ผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูง 49 คน



-และผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงต่ำ 93 คน



          ส่วนผู้ที่เคยผ่านด่านนี้รวม 1,600 คน ทั้งหมดยังไม่มีอาการ ย้ำว่าด่านนี้มีความสำคัญเพราะติดกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ตอนนี้ต้องปิดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ 7 วัน ให้ไปใช้ด่านปาดังเบซาร์แทน ส่วนคนไทยที่จะกลับเข้ามา ทุกคนต้องลงทะเบียนล่วงหน้า มีใบรับรองแพทย์ เมื่อมาถึงต้องเข้ากักตัวที่ศูนย์ควบคุมโรคของรัฐ ที่รองรับคนที่จะเข้าพักใหม่ได้วันละ 350 คน จึงขอให้คนไทยอยู่ในมาเลเซียไปก่อน โดยสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศมาเลเซียจะส่งถุงยังชีพและความช่วยเหลือ พร้อมทั้งประสานงานให้เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา ยืนยันว่า การระบาดในมาเลเซียไม่น่าห่วง

ข่าวทั้งหมด

X