ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีวาระสำคัญๆ หลายเรื่อง อาทิ การพิจารณานโยบายที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนในช่วงปีใหม่ การแก้ปัญหาทุจริตท่าเทียบเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อเสนอแนะการเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชา
สำหรับของขวัญปีใหม่ อาทิ การลดราคาสินค้าหลายรายการเพื่อลดค่าครองชีพ นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาแก้ไขกฎหมายของ 3 กรมจัดเก็บภาษี อาทิ กรมสรรพสามิตเสนอเปลี่ยนแปลงฐานการเก็บภาษี จากเดิมใช้ราคาหน้าโรงงาน สำหรับสินค้าที่ผลิตในประเทศ และฐานภาษีสำแดงราคานำเข้าสินค้า ให้มาใช้การคำนวณภาษีจากราคาขายปลีกทั้งหมด เพื่อป้องกันการแจ้งราคาต่ำกว่าเป็นจริง
โดยในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ รัฐบาลมีกำหนดแถลงผลงาน 3 เดือน ซึ่ง ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงต่างๆ ทยอยสรุปผลงานมารวบรวมที่สำนักโฆษกประจำสำนักนายกฯ จากนั้นจะเสนอรองนายกฯที่กำกับดูแลแต่ละด้านเพื่อนำข้อมูลไปแถลงผลงาน โดยกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งกระทรวงด้านความมั่นคงเสนอมาแล้ว ซึ่งนอกจากการแถลงผลงานแล้ว จะมีการเปิดเผยถึงของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนด้วย
ส่วนเรื่องของการเมือง กรณีที่ กมธ.ปฏิรูปการเมือง ของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีข้อเสนอให้เลือกนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยตรง ซึ่งนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อสรุปและยังไม่ใช่มติของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่จะต้องนำความเห็นของ กมธ.ปฏิรูปการเมือง เข้าที่ประชุมใหญ่ สปช.เพื่อพิจารณาระหว่างวันที่ 15-17 ธันวาคมนี้ โดยจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 18-26 ธันวาคมนี้ ส่วนกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชนที่ดำเนินการโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ สปช. จะดำเนินการควบคู่ไปกับการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการปรับแก้จนถึงกลางเดือนเมษายน 2558
นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.แสดงความขอบคุณที่มีการอภิปรายข้อเสนอแนะเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง แต่คงไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะเป็นประธาน สปช. แม้มีความเห็นส่วนตัวก็ต้องเก็บเอาไว้ ส่วนเรื่องที่จะมีสมาชิก สปช.และ สนช. ไปประเทศจีน ระหว่างวันที่ 10-13 ธันวาคม ตามคำเชิญจากรัฐบาลจีนนั้น ทางการจีนเชิญตัวแทนรัฐสภาไทยไปดูงานเรื่องปฏิรูปของจีนที่ดำเนินการอยู่ 2-3 เรื่อง ซึ่งมีตัวแทน สปช. อยู่ 4 คน แต่ขอถอนตัว 2 คน เพราะติดภารกิจเสนอความเห็นการปฏิรูปต่อ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันนี้ จะประชุมเพื่อพิจารณากรอบการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของภาค 4 หมวด 2 การสร้างความปรองดอง ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธานอนุ กมธ.และวันที่ 11 ธันวาคม จะพิจารณาในส่วนของคณะที่ 8 มีภาค 3 หมวด 2 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ องค์กรอิสระ องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ โดยมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานอนุ กมธ. จากนั้นวันที่ 12 ธันวาคม เวลา 09.00 น. พรรคเพื่อไทย (พท.) โดยนายโภคิน พลกุล คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย (พท.) และคณะ จะเข้าพบ กมธ.ยกร่างฯเพื่อให้ความเห็นและข้อเสนอแนะในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นจะพิจารณาในคณะที่ 3 ภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดี และสถาบันการเมือง โดยมีนายสุจิต บุญบงการ เป็นประธาน
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยความคืบหน้าการไต่สวนกรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และพวกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ขณะนี้ อนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงที่มีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานเตรียมสรุปเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ภายในเดือนธันวาคมนี้ ส่วนการหารือของคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.และอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯว่า ทางคณะทำงานร่วมฝ่าย ป.ป.ช.ยังไม่ได้นัดประชุมกับคณะทำงานร่วมของ อสส. แต่คาด ว่าจะเป็นประเด็นหนึ่งในการหารือร่วมกันในที่ประชุมระดับผู้บริหารของ ป.ป.ช.และ อสส.ในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นการหารือประจำปี เกี่ยวกับการทำงานในภาพรวมว่ามีคดีที่ค้างในคณะทำงานร่วมเท่าไร รวมถึงการวางแนวทางการทำงานร่วมกัน
*-*