ภาคเอกชน เรียกร้องรัฐเร่งออกมาตรการระยะสั้นลดผลกระทบทางศก.

          หลังการประชุมหารือมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ร่วมกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

          นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เพื่อสนับสนุนนโยบาย Local Economy ได้เตรียมที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ให้เป็นช่องทางเดียวร่วมกับสภาหอการค้าฯ จากปัจจุบันที่ต่างฝ่ายต่างมีช่องทางในการดำเนินงานของตนเองอยู่แล้ว

         แต่สิ่งที่ต้องการขณะนี้ คือ ให้รัฐเร่งพิจารณาข้อเสนอของเอกชนในระยะสั้นเพื่อบรรเทาผลกระทบธุรกิจที่ยังค้างการพิจารณา เช่น ขอยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแก่ SMEs 3 ปี ทุกธุรกิจ (ปีภาษี 63-65)โดยจะต้องเข้าระบบ E-Filling ปรับอัตราภาษี หัก ณ ที่จ่ายทุกประเภทเป็นอัตราเดียว 1% เฉพาะปี 2563

          นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เตรียมทำแผนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังการปลดล็อกปิดประเทศ (ล็อกดาวน์) ที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 400,000 ล้านบาทอยู่แล้ว โดยขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เข้ามาร่วมมือเพราะถือเป็นหัวใจที่จะทำให้ไทยก้าวผ่านโควิด-19 ไปได้ และจะเห็นแผนนี้ชัดเจนในเดือน มิ.ย.



          ด้านการเงินการคลังจะใช้กลไกของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ฯลฯ เข้ามาดูแลให้เข้าสู่ระบบดีไซน์ แต่สิ่งสำคัญคือภาคเอกชนจะต้องเน้นเอาสินค้าที่จะพัฒนาไปสู่ตลาดในประเทศได้อย่างไร ซึ่งเบื้องต้นได้หารือกับรายใหญ่ทั้งร้านค้าสะดวกซื้อ 7-11 บิ๊กซี ท็อปส์ รวมถึง ปตท.ด้วยเช่นกัน จึงเห็นว่าสภาหอการค้าฯ และ ส.อ.ท.ควรจะเข้ามาดูช่องทางเพิ่มด้วย ขณะเดียวกันขอให้เร่งทำฐานข้อมูล (Big Data) ต่อไปจะเป็นสิ่งจำเป็นมาก