การเตรียมปลดล็อกในบางจังหวัด นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ระบุว่า ถ้าจำเป็นที่จะต้องเปิดสถานประกอบการ ต้องสร้างมาตรการที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิมเพื่อให้สามารถควบคุมได้ เช่น สวมหน้ากากอนามัย แต่ถ้าสถานประกอบการใดเจอผู้ติดเชื้อในที่ทำงานก็สามารถติดต่อมาที่กรมควบคุมโรคได้ เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปตรวจสอบทันที ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิกมาตรการ แต่จะเป็นในลักษณะผ่อนปรน เพราะรอบประเทศยังมีการติดเชื้อในลักษณะพุ่งขึ้น หากประมาทจะทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นได้ นายกฯ เน้นย้ำให้ใช้สถิติ ชุดข้อมูล และความร่วมมือของประชาชน การจะผ่อนปรนหรือการปิดถาวรขึ้นอยู่กับสถิติผู้ติดเชื้อ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่เป็นคำสั่งของนายกฯเพียงคนเดียว ซึ่งคาดว่าจะออกมาในเร็วๆนี้
ขณะที่ กรมสุขภาพจิต สำรวจภาวะความเครียดเป็นการทดสอบในกลุ่มบุคลากรด้านสาธารณสุขและประชาชนทั่วไป ผลการสำรวจ พบว่า มีความเครียดสูง บุคลากรด้านสาธารณสุข เริ่มมีความเครียดมากขึ้นเมื่อช่วงเดือนเมษายน ถึงร้อยละ 5.2 เครียดปานกลาง ร้อยละ 4.2 ส่วนประชาชน ก็มีความเครียดมากขึ้นถึงร้อยละ 2 และเครียดปานกลาง ร้อยละ 4.1 แม้ว่าจะยังอยู่ในระดับที่ปกติแต่ก็ต้องดูทุกคน เนื่องจากมีความสามารถในการปรับตัวที่แตกต่างกันออกไป
ส่วนการฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกาศห้ามออกนอกเคหสถานในเวลา 22.00-04.00 น. คืนวันที่ 21 เม.ย. พบผู้กระทำความผิดออกนอกเคหสถาน 554 คน ตักเตือน 72 คน และ ดำเนินคดี 482 คน มั่วสุม 55 คน เป็นการดำเนินคดีทั้งหมด