สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เปิดเผยว่า โครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำในแถบลุ่มแม่น้ำโขงและลุ่มน้ำสาขา ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างมาบ้างแล้วแต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เสี่ยงเกิดปัญหาล่าช้าหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ตลาดพลังงานและความปลอดภัยของคนงาน ทุกคนได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งในด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังงานจะต้องเลื่อนระยะเวลาก่อสร้างออกไปอีกจึงจะดำเนินการแล้วเสร็จ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสปป.ลาว สั่งให้มีการหยุดก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำทุกแห่งในสปป.ลาว หลังจากคนงานของบริษัททำเหมืองแห่งหนึ่งถูกวินิจฉัยว่าติดโรคโควิด-19 นอกจากนั้น สปป.ลาวสั่งให้เลื่อนประชุมวางแผนเกี่ยวกับโครงการเขื่อนในอนาคต รวมถึงโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดหลวงพระบาง
ขณะเดียวกัน กระทรวงพลังงานของประเทศไทยซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่กระแสไฟฟ้าจากเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาวและเมียนมา จะปรับลดการจัดซื้อกระแสไฟฟ้าจากต่างแดน หลังมีปริมาณกระแสไฟฟ้าสำรองในประเทศในระยะนี้เพิ่มถึงร้อยละ 40 หรือ 18,000 เมกกะวัตต์ ซึ่งเป็นผลจากความต้องการที่ลดลง แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความมั่นคงด้านกระแสไฟฟ้าโดยไม่จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
ด้านกัมพูชา สั่งชะลอแผนก่อสร้างโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ในแถบแม่น้ำโขงไปอีก 10 ปี ชี้ว่า 2 โครงการคือ โครงการเขื่อนสตึงเตรง และเขื่อนซัมบอร์ จะระงับการก่อสร้างไว้ชั่วคราว
Cr: CNA