แพทย์กังวลการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 อาจทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นอีก

21 เมษายน 2563, 15:00น.


          ตัวเลขผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในประเทศไทยที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนเริ่มออกจากบ้านมากขึ้น และบางคนเริ่มผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ



          นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แสดงความเป็นห่วงในเรื่องนี้ โดยย้ำว่าสิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังการแพร่เชื้อโรคและการวางแนวทางปฏิบัติตัวในการอยู่กับโรคนี้ให้ถูกต้อง เนื่องจากหากแต่ละคนไม่ปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐแนะนำ ทั้งไม่ล้างมือ,ไม่เว้นระยะห่างทางสังคม และไม่ใส่หน้ากากอนามัยก็จะทำให้โรคโควิด-19 แพร่ระบาดง่ายขึ้น ประกอบกับยังต้องเฝ้าระวังคนไทยในต่างประเทศที่ทยอยกลับเข้าประเทศต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นอีกจุดเสี่ยงของการระบาดด้วย ส่วนเดือนหน้า ที่เข้าสู่ฤดูฝนนอกจากต้องระวังการระบาดโรคโควิด-19 แล้ว ยังต้องระวังโรคไข้เลือดออกที่ระบาดเป็นประจำในหน้าฝน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าในคนคนเดียวจะติดได้ทั้ง 2 โรค จึงแนะนำให้จำกัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก พร้อมกับการป้องกันโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการหมั่นล้างมือ,ห้ามนำมือมาสัมผัสใบหน้า โดยเฉพาะการรักษาระยะห่างทางสังคม



          นพ.อนุพงศ์ ระบุถึงกรณีที่มีข่าวว่าในไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 ที่หายแล้วกลับมาเป็นซ้ำใหม่ว่า การป่วยรอบที่ 2 ที่ผู้ป่วยกำลังรักษาตัวอยู่ตอนนี้พบภาวะปอดอักเสบ และมีไข้สูง ซึ่งยังต้องรอผลว่าเกิดจากการติดเชื้อโรคโควิด-19 หรือติดเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่น



         ส่วนผู้ป่วยที่จ.ชัยภูมิ ที่หายดีแล้วแต่ผลตรวจยังพบเชื้อ ยืนยันว่าที่พบเป็นซากเชื้อ และแนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 เหมือนกันทุกคน คือ ถ้าอาการไม่รุนแรงหรือไม่มีภาวะปอดอักเสบก็จะให้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนหายดีหรืออย่างน้อยจนครบ 14 วัน จากนั้นจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่แพทย์จะคอยติดตามอาการและสั่งให้ผู้ป่วยที่เพิ่งหายดีกักตัวที่บ้านต่อจนครบ 30 วันนับแต่วันที่มีอาการ ซึ่งผู้ป่วยแต่ละคนที่เพิ่งหายดีย่อมมีภูมิคุ้มกันและช่วงพักฟื้นแตกต่างกัน พร้อมระบุว่าการตรวจหาผู้ป่วยทำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการตรวจมาตรการเชิงรุกเพื่อค้นหากลุ่มเสี่ยงในพื้นที่จ.ภูเก็ต และจังหวัดในภาคใต้ หลังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เข้ามาช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาล



...

ข่าวทั้งหมด

X