ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563
เปิดลงทะเบียนทบทวนสิทธิ์ รับเงิน 5,000 บาท
มาตรการลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5,000 บาท http://www.เราไม่ทิ้งกัน.com ได้เปิดโอกาสให้ผู้ลงทะเบียนที่ถูกระบบตรวจสอบตัดสิทธิ์ และผู้ที่ไม่ได้ตั้งใจกดยกเลิกการใช้สิทธิ์ลงทะเบียน สามารถยื่นทบทวนสิทธิ์เพื่อพิจารณารับเงินเยียวยา 5,000 บาทอีกครั้งได้แล้ว
สำหรับวิธีลงทะเบียน ทบทวนสิทธิ์ มีดังนี้
1. เข้าเว็บไซต์ http://www.เราไม่ทิ้งกัน.com
2. เลือกคลิกแถบสีม่วง เขียนข้อความว่า "ยื่นทบทวนสิทธิ์" (เฉพาะผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์ แต่ต้องการยื่นทบทวนสิทธิ์เท่านั้น) หรือ (คลิกที่นี่)
3. กรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ลงทะเบียน และ วันเดือนปีเกิด
4. ขึ้นข้อความ "ความยินยอมในการยื่นทบทวนสิทธิ์ อ่านแล้วติ๊กเครื่องหมายถูกหน้าข้อความ ข้าพเจ้าอนุญาตให้กระทรวงการคลัง เก็บ รวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแก่หน่วยงานของรัฐ หรือผู้จัดทำระบบให้กระทรวงการคลังเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาทบทวนสิทธิ์" แล้วกด "ยืนยันและดำเนินการต่อ"
5. เมื่อมีข้อความ ขึ้นอีกว่า "ท่านสามารถยื่นทบทวนสิทธิ์ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โปรดตรวจสอบข้อมูลที่ท่านกรอกก่อนยื่นทบทวนสิทธิ์" แล้วกด "ตกลง"
6. เข้าสู่หน้ากรอกข้อมูลอาชีพ โดยเลือก อาชีพของท่าน และกรอกชื่อสถานประกอบการของท่าน จากนั้น ให้เลือกสถานที่ที่เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อได้ แล้วกรอกข้อมูลที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ แล้วกด "ยืนยันและดำเนินการต่อ"
7. ระบบจะส่งเลขรหัส OTP ให้ผู้สมัครทางโทรศัพท์จำนวน 6 ตัว โดยให้นำเลขรหัส OTP กรอกลงช่องข้อมูลดังกล่าว แล้วกด "ยืนยัน"
8. เมื่อเสร็จเรียบร้อย จะขึ้นข้อความว่า 'ยื่นทบทวนสิทธิ์สำเร็จ โปรดเตรียมหลักฐานการประกอบอาชีพของท่านให้พร้อมในกรณีที่เจ้าหน้าที่ติดต่อเพื่อตรวจสอบอาชีพของท่าน"
การยื่นขอทบทวนสิทธิ์ที่จะเริ่มเปิดเมนูบนหน้าเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกัน จะเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากระบบได้มีฐานข้อมูลของผู้ลงทะเบียนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ กลุ่มไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวนทั้งสิ้น 4.78 ล้านราย ซึ่งทยอยได้รับ SMS แจ้งผลการพิจารณาในช่วงวันที่ 12-14 เมษายน 2563 ขณะที่การเปิดลงทะเบียน เพื่อรับเงินเยียวยาจะปิดลงทะเบียนในวันที่ 22 เมษายน 2563
คลังจ่ายเงินอีก 900,000 คน
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขั้นตอนการแจ้งขอทบทวนสิทธิ์จะเปิดทางออนไลน์เท่านั้น ผ่าน www.เราไม่ทิ้งกัน.com เมื่อแจ้งชื่อเสร็จกระทรวงการคลังจะคัดรายชื่อแยกเป็นรายจังหวัดส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในวันถัดไป เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลผู้ทบทวนสิทธิ์ โดยหลักฐานที่เข้าไปตรวจสอบมีภาพถ่าย 3 ภาพ คือ 1.รูปถ่ายของผู้ทบทวนสิทธิ์ 2.รูปถ่ายกับบัตรประชาชน และ 3.รูปถ่ายหลักฐานการทำงานของผู้ขอทบทวนสิทธิ์
สำหรับยอดการจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท มีผู้ลงทะเบียนได้สิทธิ์รับเงินแล้ว 3.2 ล้านคน ในวันที่ 20 เม.ย. และวันที่ 21 เม.ย. 2563 มีกำหนดจ่ายเงินให้อีก 900,000 คน รวมเป็น 4.1 ล้านคน คิดเป็นเงินกว่า 20,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะทยอยแจ้งผลการตรวจสอบให้กับคนที่ยังไม่ได้รับเอสเอ็มเอสเพิ่มเติมคาดว่าทั้งหมด 27 ล้านคน จะได้รับผลทางเอสเอ็มเอสภายในสัปดาห์นี้
โปรดเกล้าฯพ.ร.ก.3ฉบับ เยียวยา-ฟื้นฟู 1ล้านล้านบาท
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อความพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับของรัฐบาล ตามมาตรการช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตโควิด-19 ประกอบด้วย พ.ร.ก.ให้อำนาจ "คลัง" กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทใช้แก้ปัญหา-เยียวยา-ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากพิษโควิด พ.ร.ก.ช่วยเหลือทางการเงินผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท และ พ.ร.ก.ตั้งกองทุนรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ วงเงินไม่เกิน 400,000 ล้านบาท รวมทั้งหมด 1.9 ล้านล้านบาท
นายกฯขอระดมสมองมหาเศรษฐี แก้วิกฤตโควิด ไม่ใช่ขอเงิน
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เตรียมส่งจดหมายถึง 20 มหาเศรษฐีไทย ไม่ใช่เพื่อขอเงินนำมาแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 รวมถึงผลกระทบต่างๆที่ตามมา แต่เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากมหาเศรษฐีที่มีประสบการณ์ในแต่ละธุรกิจว่าจะช่วยเหลือประเทศร่วมกับรัฐบาลได้อย่างไรหรือมีแนวทางใดที่สอดประสานกับนโยบายรัฐบาลในการแก้ปัญหาก็จะเป็นประโยชน์เพราะเชื่อว่าแต่ละคนล้วนมีมุมมองและเครือข่ายที่สามารถนำไปดำเนินการต่อได้อยู่แล้ว
ขณะที่ รายชื่อมหาเศรษฐีคงไม่ได้เจาะจงเฉพาะ 20 มหาเศรษฐีที่ถูกจัดอันดับว่ารวยที่สุดของประเทศเท่านั้นจะกระจายไปยังผู้นำในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ ที่ยังดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน บางคนไม่ได้มีชื่อติดใน 20 อันดับแรก แต่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ อาทิ นิคมอุตสาหกรรม ธนาคาร ท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน การค้า การส่งออก เป็นต้น คาดว่าสัปดาห์นี้นายกฯ จะได้ทยอยเชิญเข้ามาพูดคุยกันต่อไป
ห้างสรรพสินค้าจะเปิดหรือไม่ อยู่ที่รัฐบาล
บริษัทสรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด มีจดหมายถึงร้านค้า คู่ค้า และพนักงาน เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการวันที่ 1 พ.ค. 2563 ล่าสุดบริษัทได้ออกจดหมายชี้แจงมาที่ผู้สื่อข่าวว่า กำหนดวันเปิดของห้างฯ ขึ้นอยู่กับการประกาศอย่างเป็นทางการของรัฐบาลเท่านั้น นอกจากนี้ จากการสอบถามไปยังศูนย์การค้ารายอื่น อาทิ สยามพิวรรธน์ ผู้ให้บริการศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัพเวอรี่ เดอะมอลล์ เอ็ม.บี.เค ต่างรอความชัดเจนหรือประกาศจากภาครัฐว่าจะอนุมัติให้วันที่ 1 พ.ค.นี้ กลับมาเปิดบริการได้หรือไม่ หากมีการอนุมัติก็พร้อมที่จะเปิดให้บริการและให้
ค่าไฟพุ่งพรวด รมว.พลังงาน เรียกถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
หลังมีการโพสต์ข้อความและโชว์ภาพบิลค่าไฟฟ้าช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน 2563 เพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวอย่างน่าตกใจ ทั้งที่ได้ใช้ไฟฟ้าตามปกติ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ที่ใช้ชื่อว่า "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" ระบุว่า "ในวันพรุ่งนี้ผมเชิญ กกพ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมหาแนวทางมาตรการเรื่องค่าไฟฟ้า เพิ่มเติมจากที่ได้มีหลายมาตรการออกไปแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้ นิ่งนอนใจครับ" สำหรับการประชุมจะมีขึ้นในเวลา 13.30 น.
ขณะที่ นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า หากพบว่า ค่าไฟแพงขึ้นผิดปกติ สามารถแจ้งเรื่องไปยังสำนักงานการไฟฟ้าในพื้นที่ได้ ข้อเท็จจริงจะต้องพิจารณาดูก่อนว่าไฟที่เกินมา เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ไฟเปลี่ยนไปหรือไม่ หรือช่วงนี้อยู่ในช่วงหน้าร้อน มีการเปิดแอร์เยอะเกินไปหรือไม่
ส่วนตัวมองว่าอย่างไรค่าไฟก็คงไม่เพิ่มขึ้นมา 2-3 เท่า จากปกติ การเพิ่มขึ้นมากอาจมีความผิดปกติ เช่น เกิดไฟฟ้ารั่ว ทั้งนี้ หากเกิดความผิดปกติจากตัวมิเตอร์ไฟฟ้า หรือระบบไฟ ก็จะดูว่าเป็นเหตุที่เกิดจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือไม่ หากใช่ก็จะทำการชดเชยส่วนนี้ให้ โดยจะต้องมีการดูประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง โดยการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากต้องขอไปดูข้อเท็จจริงว่าเกิดจากสาเหตุอะไร
ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติขยายการใช้ไฟฟ้าฟรีจาก 50 หน่วย เป็น 90 หน่วย เพราะต้องการช่วยเหลือผู้ที่ใช้ไฟฟ้าตามบ้านพักที่อยู่อาศัย
ส่วนนายกีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ ผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องนี้เราจะมีการทำข้อมูลเพื่อให้เห็นประวัติย้อนหลังการใช้ไฟฟ้าของเดือนมกราคม-พฤษภาคม ว่าในแต่ละปีมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามอากาศที่ร้อนขึ้น ซึ่งความเป็นจริงไฟฟ้าในหน่วยรวมก็เพิ่มขึ้นอยู่แล้วเราจะดำเนินการ ในส่วนนี้เพื่อให้เห็นว่าการใช้ไฟฟ้าของบ้านที่อยู่อาศัยมีการเพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง หากประชาชนสงสัยว่าค่าไฟเพิ่มขึ้นผิดปกติสามารถแจ้งการไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบในเรื่องไฟฟ้าแพงโดยสามารถยื่นเรื่องผ่านเว็บไซต์ www.mea.or.th