ที่ประชุมผู้พิพากษาศาล ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดโทษ คนไม่สวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้าน

18 เมษายน 2563, 10:16น.


           การพิจารณาคดีไม่สวมหน้ากากอนามัย ที่ไม่ตรงกัน นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ได้เรียกประชุมหารือข้อราชการทางไกลผ่านจอภาพกับอธิบดีผู้พิพากษาภาค และอธิบดีผู้พิพากษาศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาความผิดในคดีฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558(หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากป้องกัน) เพื่อพิจารณาปัญหาข้อกฎหมายต่างๆ ได้ข้อสรุปว่าผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการออกคำสั่งห้ามบุคคลออกจากเคหสถานโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย และพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการกำหนดโทษ เพื่อประกอบการพิจารณาและใช้ดุลพินิจแก่ศาลทั่วประเทศ



         นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีความเห็นว่า ในการใช้ดุลพินิจของศาล พึงต้องใช้ดุลพินิจเป็นรายคดี โดยคำนึงถึงสภาพแห่งข้อหาและการกระทำความผิด ตลอดจนโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมของจำเลย ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019



           สำหรับการประชุมหารือข้อราชการทางไกลดังกล่าวผู้ที่เข้าร่วมประชุมจะเป็นอธิบดีผู้พิพากษาในส่วนคดีอาญาทั้งหมดทั้งอธิบดีศาลอาญาและศาลแขวงในพื้นที่ต่างๆ(ไม่รวมศาลคดีแพ่ง โดยการประชุมดังกล่าวเกิดจากกรณีว่าเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ปรากฏทางสื่อมวลชนมีการนำเสนอข่าวศาลจังหวัดสมุทรสาคร ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ม.34(6) กรณีไม่สวมหน้ากากเมื่อออกมาในที่สาธารณะ  ตามประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ขณะเดียวกันศาลจังหวัดกันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เห็นว่า การไม่สวมหน้ากากไม่เป็นความผิดตามพรบ.โรคติดต่อ ม.34(6)  โดยเห็นว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่มีอำนาจสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้าน ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้น 2 ศาลตัดสินข้อกฎหมายไม่เหมือนกัน 

ข่าวทั้งหมด

X