ศบค.พิจารณา 3 ปัจจัยหลัก ผ่อนคลายเคอร์ฟิว มองว่า 1 พ.ค.เร็วเกินไป

16 เมษายน 2563, 13:39น.


          ตัวเลขผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในไทย ที่ช่วงนี้ผู้ป่วยรายใหม่ลดลงต่อเนื่อง โดยแต่ละวันมีผู้ป่วยเพียงเลขสองหลัก นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) ระบุว่า เป็นผลมาจากมาตรการเคอร์ฟิวที่นับจนถึงวันนี้ก็ครบ 14 วัน ของการบังคับใช้ ทำให้ผู้ป่วยรายใหม่และสถานการณ์การระบาดในไทยดีขึ้นอย่างชัดเจน หลายฝ่ายจึงเริ่มคิดถึงการผ่อนคลายมาตรการและอนุญาตให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ แต่เชื่อว่าภายในเร็ววันนี้หรือเดือนพฤษภาคมคงยังทำไม่ได้ เนื่องจากหากมีการผ่อนคลายเร็วเกินไปจะทำให้อีก 14 วันนับจากวันผ่อนคลายมีโอกาสสูงที่จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศจะเพิ่มขึ้นในระดับหลายร้อยคนเหมือนหลายประเทศที่ทดลองมาตรการผ่อนคลายมาแล้ว เช่น ประเทศสิงคโปร์และญี่ปุ่น ทั้งนี้ ปัจจุบันหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขไทยกำลังศึกษาการผ่อนคลายมาตรการเคอร์ฟิวและอนุญาตให้สถานที่ต่าง ๆ กลับมาเปิดทำการได้บ้าง โดยยึดหลักความรอบคอบเป็นสำคัญ เนื่องจาก การกลับมาเปิดทำการมีความเสี่ยงสูง ศบค.ยอมรับว่าเรื่องนี้ตัดสินใจยาก แต่จะพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย



-สุขภาพ เป็นปัจจัยสำคัญสุดและเน้นไปที่ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ การยังพบผู้ป่วยใหม่แสดงว่าโรคยังแฝงตัวอยู่ ดังนั้นหากจะผ่อนคลายจึงตั้งคำถามว่าประชาชนจะปฏิบัติตามได้หรือไม่หากอนุญาตให้เปิดห้างสรรพสินค้าแล้วต้องยืนรอหน้าห้าง เพราะมีการจำกัดจำนวนคนเข้าห้าง หรือร้านค้าต้องจัดพื้นที่ให้ทุกคนห่างกัน 2 เมตร เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อ



-อีก 2 ปัจจัยที่จะนำมาพิจารณาคือ เรื่องสภาพเศรษฐกิจและสังคม



           ปัจจัยทั้ง 3 ด้าน ศบค.จะนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาในที่ประชุมช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้เพื่อตัดสินใจว่าจะผ่อนคลายหรือต่ออายุเคอร์ฟิวและปิดสถานที่ต่าง ๆ หรือไม่ โดยการตัดสินใจจะยึดจากฐานข้อมูลที่รวบรวมมา พร้อมย้ำว่าประชาชนเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องช่วยและร่วมมือกันทำให้สถานการณ์ดีขึ้นจนสามารถผ่อนคลายได้มากขึ้น



 



 

ข่าวทั้งหมด

X