ไอเอ็มเอฟเตือนสถานการณ์โควิด-19 อาจทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นในบางประเทศ

15 เมษายน 2563, 21:03น.


          กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ เผยแพร่รายงานในวันนี้ (15 เม.ย.) เตือนว่า สถานการณ์โควิด-19 ในบางประเทศอาจนำไปสู่ความไม่สงบทางสังคม หากมาตรการของรัฐบาลในการบรรเทาผลกระทบถูกมองว่ายังไม่เพียงพอ ซึ่งจนถึงขณะนี้หลายประเทศมีการใช้จ่ายรวมกันไปแล้วเกือบ 8 ล้านล้านดอลลาร์ในการต่อสู้กับการระบาดใหญ่และบรรเทาความตกต่ำทางเศรษฐกิจ แต่ไอเอ็มเอฟก็เห็นว่าจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังมากขึ้นเมื่อวิกฤติเศรษฐกิจคลี่คลายลง แต่ในเวลาเดียวกันการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายจะทำให้เกิดการขาดดุลการคลังมากขึ้นโดยหนี้สาธารณะทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 13 สู่ระดับมากกว่าร้อยละ 96 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในปี 2563



          เมื่อวานนี้ (14 เม.ย.) ไอเอ็มเอฟเพิ่งออกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวร้อยละ 3 ในปีนี้แต่ก็เตือนไว้ด้วยว่า การคาดการณ์นี้ยังมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างมาก และผลลัพธ์อาจเลวร้ายยิ่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ความพยายามที่จะหยุดโรคนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนามีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด



          นายวิตอร์ กาสปาร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า การแสดงออกถึงความไม่พอใจอาจไม่ใช่การประท้วงใหญ่ เพราะการใช้มาตรการจำกัดการเดินทาง และความกังวลเรื่องโรคระบาดใหญ่ แต่จะเป็นลักษณะของความไม่สงบที่กระจายไปในหลายจุด จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้กำหนดนโยบายต้องสื่อสารกับชุมชนที่ได้รับผลกระทบเพื่อขอการสนับสนุนเพื่อจัดการกับโควิด-19 พร้อมไปกับการสนับสนุนแก่ครัวเรือน และบริษัท ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไม่ให้ต้องปิดตัว โดยในเวลานี้รัฐบาลหลายประเทศต้องเพิ่มการจัดการกับความตึงเครียดที่เริ่มชัดเจนขึ้นเนื่องจากการปลดพนักงานออก และการที่กลุ่มแรงงานนอกระบบไม่มีการจ้างงาน และไม่มีอาหาร



          นางกิตา โกปินาธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่าวิกฤตการณ์และภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้อาจทำให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่วิกฤติในครั้งนี้อาจมีผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป และอาจทำให้เกิดความไม่สงบทางสังคมขึ้นได้



....

ข่าวทั้งหมด

X