ประท้วงในแคนาดา ต้องการให้ยกเลิกคำสั่งล็อคดาวน์
ชาวบ้านประมาณ 15 คน ในเมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา รวมตัวกันที่ศาลากลางเมืองและเดินไปที่ย่านใจกลางเมือง ขัดขืนคำสั่งเว้นระยะห่างทางสังคม ต้องการให้ยกเลิกคำสั่งล็อคดาวน์ในรัฐบริติชโคลัมเบีย หลังจากที่มีคำสั่งให้ประชาชนอยู่ในบ้าน ปิดร้านอาหารและภาคธุรกิจต่างๆ เช่นเดียวกับสถานศึกษาและสถาบันอื่นๆ ขณะที่ยกเลิกจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ประชาชนไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐบริติชโคลัมเบีย ห้ามประชาชนที่ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันมั่วสุมกันในระยะ 2 เมตร คำสั่งเว้นระยะห่างทางสังคมบังคับใช้ในบางกรณี บุคคลใดที่ฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงสุด 1,000 ดอลลาร์แคนาดา หรือราว 23,000บาท ส่วนภาคธุรกิจมีสิทธิ์ถูกปรับสูงสุด 50,000 ดอลลาร์แคนาดา หรือราว 1.1 ล้านบาท บทลงโทษดังกล่าวของเมืองแวนคูเวอร์ บังคับใช้เฉพาะบุคคลที่อยู่ในบาร์และร้านอาหารเท่านั้น ไม่รวมถึงบุคคลที่อยู่บนพื้นที่ท้องถนนสาธารณะ
นายอาเดรียน ดิกซ์ รัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าวว่า ขอให้ทุกคนมุ่งมั่นในสิ่งที่เราต้องทำร่วมกันต่อไป ผู้ติดเชื้อสะสมเมื่อเวลา 05.54 น.อยู่ที่ 26,897 คน เสียชีวิต 898 ราย
อินเดีย สั่งคัดคำ ‘ขอโทษ’ 500 ครั้ง ละเมิดเคอร์ฟิว
หลังจากอินเดียประกาศเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในเวลาที่กำหนดยกเว้นไปซื้ออาหารหรือพบแพทย์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวอิสราเอล เม็กซิกัน ออสเตรเลีย และออสเตรีย กลับไม่สนใจ ยังเดินเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ตำรวจเมืองฤาษีเกษ รัฐอุตราขัณฑ์ จับกุมตัวได้ ลงโทษด้วยการให้เขียนข้อความ “ข้าพเจ้าไม่เคารพกฎระเบียบ ข้าพเจ้าขออภัย” จำนวน 500 จบ ตำรวจยังสวมหมวกเป็นรูปตัวไวรัส และบางรัฐต้องใช้ไม้หวายหวดพวกที่ชอบฝ่าฝืน โดยที่รัฐปัญจาบ ตำรวจนายหนึ่งเสียมือไป 1 ข้าง เพราะพวกฝ่าฝืนใช้ดาบฟันจนขาด
สิงคโปร์ บังคับสวมหน้ากากในที่สาธารณะ ฝ่าฝืนปรับเกือบ7,000 บาท
เมื่อช่วงแรกที่ไวรัสโควิด-19 ระบาด เจ้าหน้าที่สิงคโปร์ แนะนำให้ชาวบ้านสวมหน้ากากอนามัยก็ต่อเมื่อมีอาการป่วย เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อ แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เริ่มแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยและบังคับให้สวมใส่เมื่อออกไปในพื้นที่สาธารณะ เนื่องจากพบความเสี่ยงของการแพร่เชื้อจากคนติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ สำหรับผู้กระทำผิดครั้งแรกในกรณีที่ถูกจับได้ว่าไม่สวมหน้ากากอนามัยจะถูกปรับเงิน 300 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 6,900 บาท
มาตรการดังกล่าวมีข้อยกเว้นสำหรับเด็กที่มีความจำเป็นพิเศษหรือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เช่นเดียวกับบุคคลที่ไปออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง คำสั่งนี้มีขึ้นหลังจากรัฐบาลสิงคโปร์แจกหน้ากากผ้าให้ทุกครัวเรือน และสำรองหน้ากากอนามัยไว้สำหรับเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขเท่านั้น
นายกัง กิม หยง รมว.กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ กล่าวว่า ตั้งแต่มาตรการ "เซอร์กิต เบรกเกอร์" เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี "แต่ยังไม่น่าพึงพอใจ" และสถานการณ์ในภาพรวม "ยังอันตราย" เนื่องจาก จำนวนผู้ป่วยรายวันเพิ่มขึ้น และตอนนี้รัฐบาลจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดแบบเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ ภายในหอพักหลายแห่งซึ่งมีแรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่อย่างแออัด จากการพบผู้ป่วยเฉลี่ยวันละ 200 คน จนการติดเชื้อภายในสถานที่แห่งนี้สะสมเพิ่มเป็นประมาณ 300 คน ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเมื่อเวลา 05.54น. อยู่ที่ 3,252 คน เสียชีวิต 10 ราย
WHO ขอให้ยกเลิกล็อคดาวน์แบบค่อยเป็นค่อยไป
นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ในครั้งนี้ทั้งรวดเร็วมากและชะลอตัวลงช้ามาก ดังนั้น การยกเลิกมาตรการควบคุมเพื่อยับยั้งไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศต่างๆ ใช้อยู่ ควรดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป
น.พ. แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เตือนว่า การวางเป้าหมายเดินเครื่องเศรษฐกิจอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ค.เป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป หลังจากก่อนหน้านี้นายทรัมป์ เพิ่งเปิดศึกกับผู้ว่าการรัฐต่างๆ ในกรณีที่ใครกันแน่มีอำนาจยกเลิกมาตรการปิดเมือง น.พ.แอนโธนี เฟาซี บอกว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะต้องเร่งตรวจหาเชื้อ กักกันโรคผู้ติดเชื้อรายใหม่ๆและไล่ตามผู้ติดเชื้อให้ได้โดยเร็ว จากนั้นถึงสามารถผ่อนปรนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้
ทำเนียบขาว ยืนยัน ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมเปิดศก.ให้ทุกคนกลับไปทำงาน
นายแลรี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า 1-2 วันนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ จะประกาศเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐฯ เราต้องการให้ทุกคนกลับไปทำงาน เราต้องการทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ต้องมีความปลอดภัย และได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ผู้ว่าการรัฐ 9 รัฐ หารือแผนที่จะค่อยๆ กลับมาเปิดเศรษฐกิจในรัฐของตนเองอีกครั้ง แต่ก็ถูกประธานาธิบดีทรัมป์ แย้งว่า การตัดสินใจเรื่องนี้เป็นอำนาจเด็ดขาดของประธานาธิบดี ผู้ติดเชื้อสะสมเมื่อเวลา 05.54 น. อยู่ที่ 602,989 คน เสียชีวิต 25,575 ราย
ภาพสลด! ศพซ้อนกันวางในห้องว่างในโรงพยาบาลที่ดีทรอยต์
เจ้าหน้าที่ประจำห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลไซไนเกรซ(Sinai-Grace Hospital) ในดีทรอยต์ สหรัฐฯ แชร์ภาพถ่ายอันน่าสลด ศพจำนวนมากถูกเก็บไว้ตามห้องว่างในโรงพยาบาลและวางทับกันในห้องเย็นชั่วคราว สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เปิดเผยว่า ได้ภาพถ่ายเหล่านี้มาจากเจ้าหน้าที่ประจำห้องฉุกเฉินรายหนึ่ง พร้อมอ้างคำบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่ประจำห้องฉุกเฉินอีก 2 คน ที่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ยืนยันว่า ภาพดังกล่าวเป็นเหตุการณ์จริงในโรงพยาบาล เมื่อช่วงต้นเดือนเม.ย.
ส่วนอีกภาพ ซีเอ็นเอ็นได้มาจากเจ้าหน้าที่ประจำห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเช่นกัน เป็นภาพศพในถุงห่อศพวางซ้อนกันอยู่ภายในห้องเย็นของโรงพยาบาล เนื่องจาก จำนวนศพที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไบรอัน เทย์เลอร์ โฆษกของโรงพยาบาล ชี้แจงกับซีเอ็นเอ็นว่า โรงพยาบาลปฏิบัติกับคนไข้ที่จากไปด้วยความเคารพและให้เกียรติ
มอสโก รัสเซีย เตือนโรงพยาบาลอาจขาดแคลนเตียงสำหรับผู้ป่วย
ทางการกรุงมอสโก รัสเซีย ออกคำเตือนว่า โรงพยาบาลในกรุงมอสโก อาจขาดแคลนเตียงสำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 ในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ทั้งที่ได้มีความพยายามในการเพิ่มเตียงแล้ว ทางการกรุงมอสโก กำลังเร่งปรับปรุงโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และเพิ่มเตียงใหม่อีกหลายพันเตียง แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่า อาจไม่เพียงพอกับความต้องการ จำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันรายใหม่ในกรุงมอสโกพุ่งสูงขึ้น 1,489 คน ในช่วงเวลาเพียงข้ามคืน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดเพิ่มเป็น 21,102 คน และเสียชีวิต 170 ราย
ครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 ในยุโรปอยู่ในบ้านพักคนชรา
เว็บไซต์สกายนิวส์ของอังกฤษ รายงานว่า คณะนักวิจัยของลอนดอนสคูลออฟอิโคโนมิกส์หรือแอลเอสอี (LSE) ศึกษาข้อมูลในอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์และเบลเยียมพบว่า ร้อยละ 42-57 ของผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 เป็นผู้อาศัยในบ้านพักคนชรา ศ.คริส วิตตี หัวหน้าเจ้าหน้าที่แพทย์แห่งอังกฤษ เปิดเผยว่า ตัวเลขจากการวิจัยระหว่างวันที่ 6-11 เม.ย.พบว่า สัดส่วนผู้เสียชีวิตในสเปน ที่อาจจะอยู่ในบ้านพักคนชราสูงถึงร้อยละ 57 ร้อยละ 54 ในไอร์แลนด์ ร้อยละ 53 ในอิตาลี ร้อยละ 45 ในฝรั่งเศส และร้อยละ 42 ในเบลเยียม เตือนว่าเจ้าหน้าที่ต้องขยายการตรวจหาเชื้อให้ครอบคลุมคนในบ้านพักคนชรา เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
อินโดฯประกาศ ภัยพิบัติแห่งชาติ จากโควิด-19
ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย ประกาศให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอินโดนีเซีย "เป็นภัยพิบัติแห่งชาติ" คณะทำงานเฉพาะกิจ ที่ประธานาธิบดีมอบหมายจะทำงานร่วมกับทุกกระทรวง รัฐบาลท้องถิ่น และองค์กรบริหารจัดการด้านภัยพิบัติแห่งชาติ ทั้งนี้ กรุงจาการ์ตาเป็นเมืองใหญ่แห่งแรกของอินโดนีเซีย ที่ยกระดับมาตรการทางสังคมเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค ให้สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลกลาง ขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงการออกนอกเคหสถานหากไม่จำเป็น และปฏิบัติตามแนวทางรักษาระยะห่างทางกายภาพอย่างเคร่งครัด ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเมื่อเวลา 05.54น. อยู่ที่ 4,839 คน เสียชีวิต 459 ราย