ศบค.เกาะติดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น-ย้ำคนกลับจากต่างประเทศต้องกักตัว

            ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 วันที่ 11 เม.ย.มีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม 45 คน รวมมีผู้ป่วยสะสม 2,518  คน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.)  เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ 45 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 23 คน (กทม.8 คน ปัตตานี 7 คน และ ภูเก็ต 3 คน ) ผู้ป่วยที่ไม่ได้สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 9 คน และผู้ป่วยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และเข้ารับการกักตัว 9 คน( ที่จ.สงขลา 8 คน เดินทางกลับจากอินโดนีเซีย และที่กทม.เดินทางกลับจากสหรัฐฯ 1คน) จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เจ้าหน้าที่ต้องต้องกักตัวผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ  วันนี้มีคนไทยที่เดินทางกลับมาอีก 2 กลุ่ม กลับจากรัสเซีย 34 คน และจากญี่ปุ่น 1คน

           สำหรับผู้ป่วยที่กระจายทั่วประเทศ  พบว่า ต่างจังหวัดมีจำนวนผู้ป่วยกระจายอยู่มากกว่ากรุงเทพฯ และ จ.นนทบุรี  จากการวิเคราะห์ที่ จ. ชลบุรี พบว่า มีผู้ป่วยกระจุกตัวและพุ่งขึ้น จากเมื่อวันที่17 มี.ค. มีมาตรการปิดสถานที่ต่างๆ จากนั้นสถานการณ์เงียบหายไป  จากนั้นวันที่22มี.ค.กลับพบว่ามีตัวเลขผู้ป่วยพุ่งขึ้นถึง 14 คน หมายความว่า เริ่มมีเชื้อ คนติดเชื้อยังไม่แสดงอาการ ยังไม่ได้รับการตรวจ ทำให้เชื้อกระจายไปทั่ว ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เพิ่มมาตรการเข้มงวดขึ้น ปิดหาด ปิดร้าน ปิดโรงแรม

           จากข้อมูล ช่วงวันที่ 4 -10 เม.ย. พบว่ามีผู้ป่วย 495คน เป็นผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันจำนวน 144 คน หรือร้อยละ 29 ของผู้ป่วยทั้งหมด พบว่าส่วนใหญ่มีการติดกันภายในบ้านและสถานที่ทำงาน เป็นการติดภายในครอบครัวร้อยละ 56 พบมากเป็นสามี-ภรรยา ติดในสถานที่ทำงาน ร้อยละ 23 กิจกรรมรวมกลุ่มร้อยละ18 และติดจากยานพาหนะ จากชุมชน ร้อยละ 3

          ส่วนที่บางคนบอกว่ามีการนำตัวเลขไปรวมกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่ม ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19มีจำนวนน้อย นพ.ทวีศิลป์ ยืนยันว่า ไม่ได้ปกปิดหรือบิดเบือนข้อมูล จากข้อมูลพบว่า ผู้ป่วยสะสมไข้หวัดใหญ่น้อยลง เนื่องจากคนป้องกันตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัยทุกคน ไม่ได้คุมแค่เชื้อโควิด-19 คุมไข้หวัดใหญ่ได้ด้วย ขณะที่ หลายฝ่ายมีความกังวลใจว่าผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว จะเป็นพาหะนำเชื้อมาแพร่อีก ยืนยันว่า คนหายป่วยแล้วคือหายเลย แข็งแรง กลับมาปกติ และยังมีภูมิคุ้มกันด้วย และต้องเชิญชวนคนกลุ่มนี้กลับมาบริจาคพลาสม่า เพื่อนำไปสกัดในการรักษาผู้ป่วยด้วย